ปวดสลักเพชร คืออะไร? 5 วิธีการรักษา โดยไม่ต้องผ่าตัด

ปวดสลักเพชร คืออะไร 5 วิธีการรักษา โดยไม่ต้องผ่าตัด

อาการปวดลึกที่ก้นหรือสะโพก ร้าวลงต้นขาหรือถึงเข่า นั่งประชุมนาน ๆ แล้วชาตึง ลุกยืนก็เจ็บ เดินไกล ๆ ยิ่งปวดทรมาน — ถ้าคุณกำลังเผชิญสิ่งเหล่านี้ มีโอกาสสูงว่ากำลังเป็น “ปวดสลักเพชร” หรือ Piriformis Syndrome ภาวะที่กล้ามเนื้อสลักเพชรซึ่งอยู่ลึกในสะโพก เกร็งตัวหรือหนาตัวขึ้นจนไปรบกวนเส้นประสาทไซอาติก

บทความนี้เรียบเรียงแบบเข้าใจง่าย กระชับ และอ้างอิงแนวทางเวชปฏิบัติทั่วไป เน้นการดูแลแบบไม่ผ่าตัด พร้อม “แนวทางการรักษาแบบ 5 เสา” ที่ Dr.Sun – The Enlight Clinic ใช้ดูแลผู้ป่วยจริง เพื่อให้คุณกลับมาเคลื่อนไหวได้คล่องตัว เจ็บน้อยลง และใช้ชีวิตได้เต็มที่อีกครั้ง

ทำความเข้าใจภาวะปวดสลักเพชร (Piriformis Syndrome)

กล้ามเนื้อสลักเพชร (Piriformis) เป็นกล้ามเนื้อมัดเล็กแต่สำคัญ อยู่ลึกในสะโพก ทำหน้าที่ช่วยหมุนสะโพกและประคองข้อสะโพกให้มั่นคง เส้นประสาทไซอาติก (Sciatic nerve) จะวิ่งอยู่ใต้ หรือในบางคนอาจวิ่งทะลุกลางกล้ามเนื้อมัดนี้ เมื่อกล้ามเนื้อเกร็ง เป็นก้อน พังผืดหนา หรือมีการอักเสบ จึงเกิดการกดรบกวนเส้นประสาท ทำให้ปวดร้าวและมีอาการผิดปกติทางระบบประสาทร่วมด้วย

  • ปวดลึกบริเวณก้นหรือสะโพกด้านใดด้านหนึ่ง
  • ปวดร้าวลงขา บางคนปวดร้าวถึงขาหนีบ หรือต้นขาด้านหลัง
  • เจ็บมากขึ้นเมื่อ นั่งนาน ๆ ลุกจากเก้าอี้ ขึ้น-ลงรถ ขึ้นบันได หรือบิดตัว
  • ยืนนาน เดินนาน หรือวิ่ง ทำให้ตึง-ปวดเพิ่ม
  • รู้สึกชาหรือปวดจี๊ดตามแนวเส้นประสาทไซอาติก
  • บางรายคลำเจอก้อนแข็งหรือตึงเฉพาะจุดลึกในสะโพก

จุดสำคัญที่มักใช้แยกจากโรคหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้น (HNP) คือจุดปวดเฉพาะที่สะโพกด้านข้าง/ด้านลึก กดแล้วเจ็บชัด และอาการมักรุนแรงขึ้นเมื่อกดทับกล้ามเนื้อสลักเพชรโดยตรง เช่น นั่งไขว่ห้างหรือใส่ของหนา ๆ ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา

  • นั่งนานต่อเนื่อง โดยเฉพาะนั่งทำงาน/ขับรถเป็นเวลานาน
  • พฤติกรรมใช้งานก้น-สะโพกซ้ำ ๆ หรือใช้งานผิดท่า (ยกของก้มหลัง คอมพิวเตอร์โต๊ะ-เก้าอี้ไม่เหมาะ)
  • ใส่กระเป๋าสตางค์หนา ๆ ที่กระเป๋าหลังกางเกง ทำให้กดกล้ามเนื้อขณะนั่ง
  • กล้ามเนื้อก้นอ่อนแรง ไม่สมดุลกับกล้ามเนื้อรอบสะโพกและแกนกลางลำตัว
  • พังผืด/การเกร็งเรื้อรังจากการบาดเจ็บ กีฬา หรืออุบัติเหตุสะโพก
  • โครงสร้างกายวิภาคบางคนที่เส้นประสาทวิ่งผ่านกล้ามเนื้อ (เพิ่มโอกาสระคายเคือง)
  • ภาวะน้ำหนักเกินที่เพิ่มแรงกดต่อสะโพกและกระดูกสันหลัง

ผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน

ปวดสลักเพชรไม่ได้แค่ทำให้ “เจ็บ” แต่รบกวนคุณภาพชีวิตในทุกมิติ คุณอาจต้องลุกพักระหว่างประชุมบ่อย ๆ ขับรถไกลไม่ไหว หยุดเล่นกีฬาที่ชอบ เดินเที่ยวกับครอบครัวได้ไม่นาน หรือนอนตะแคงแล้วเจ็บจนหลับไม่สนิท สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง เกิดความหงุดหงิด เครียด และไม่มั่นใจในการเคลื่อนไหวของตัวเอง

 

วิธีรักษาปวดสลักเพชรแบบไม่ผ่าตัด

แนวทางที่ Dr.Sun ใช้ดูแลผู้ป่วยยึดหลัก “5 เสา” เพื่อจัดการอาการอย่างรอบด้าน ลดการอักเสบ คลายเกร็ง ฟื้นสมดุลการเคลื่อนไหว และป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

1) การฝังเข็ม: ลดปวด-คลายกล้ามเนื้อแบบจำเพาะจุด

การฝังเข็มที่ผสานความรู้แพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์จีนช่วยคลายกล้ามเนื้อสลักเพชรและกล้ามเนื้อรอบสะโพก ลดการอักเสบ กระตุ้นระบบประสาทให้ยับยั้งสัญญาณปวด เพิ่มเลือดไปเลี้ยงเพื่อให้เนื้อเยื่อซ่อมแซมได้ดีขึ้น เทคนิคเชิงลึก (deep needling) และการเลือกจุดที่สัมพันธ์กับเส้นประสาทไซอาติกอย่างแม่นยำ มีบทบาทสำคัญต่ออาการที่ดื้อต่อการรักษาทั่วไป

  • เหมาะกับผู้ที่ปวดเรื้อรัง นั่งนานไม่ได้ ปวดร้าวลงขา หรือมีก้อนเกร็งลึกที่ก้น
  • ขั้นตอนรวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน และมักรู้สึกคลายตัวหลังทำ
  • ควรทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่แม่นยำ

ที่ The Enlight Clinic การฝังเข็มดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการระงับปวด (Anesthetist) และแพทย์ฝังเข็ม ช่วยยกระดับความปลอดภัยและการวางแผนรักษาที่ตรงจุด

2) การใช้ยา: หลัก “ให้ครบ ให้ถูก ให้ถึง”

การใช้ยาเป็นส่วนสำคัญในระยะอักเสบหรือปวดมาก หลักคิดของ Dr.Sun คือ

  • ให้ครบ: ครอบคลุมยากลุ่มจำเป็น เช่น ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs), ยาคลายกล้ามเนื้อ, ยาลดการไวของเส้นประสาทในรายที่ปวดแบบชาร้าว
  • ให้ถูก: เลือกยาตามสาเหตุและสภาวะของผู้ป่วย เช่น ประวัติกระเพาะ ตับ ไต ความดันโลหิต ยาเดิม
  • ให้ถึง: ใช้ขนาดยาและระยะเวลาที่พอเพียง เพื่อหยุดวัฏจักรปวด-เกร็ง-อักเสบ ไม่ปล่อยให้เรื้อรัง

ข้อควรระวัง: ยากลุ่ม NSAIDs อาจระคายกระเพาะหรือกระทบไต ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เสมอ การหยิบยาทานเองนาน ๆ โดยไม่มีแผน อาจทำให้ปัญหาเรื้อรังขึ้น

3) อาหารเสริม: สนับสนุนการฟื้นตัว (เสริม ไม่แทนการรักษาหลัก)

กลุ่มที่พบบ่อยว่า “ช่วยเสริม” ได้แก่ โอเมก้า-3, แมกนีเซียม (ช่วยการคลายตัวของกล้ามเนื้อ), ขมิ้นชัน/เคอร์คูมิน และสารต้านอักเสบจากธรรมชาติอื่น ๆ

สำหรับผู้ที่มีปัญหาข้อต่อหรือหมอนรองกระดูกร่วมด้วย Dr.SUN4in1 เป็นตัวช่วยเสริมที่ผสานสารสกัดคุณภาพสูง เช่น Type II Collagen (UC-II), Proteoglycan, และแมกนีเซียม ซึ่งถูกออกแบบเพื่อสนับสนุนสุขภาพข้อต่อและการทำงานของกล้ามเนื้อ อย่างไรก็ดี อาหารเสริมเป็นเพียงส่วนเสริม ควรใช้ภายใต้คำแนะนำเพื่อให้เหมาะกับสภาพร่างกายและยาที่ใช้อยู่

4) การปรับพฤติกรรมและลดความเสี่ยงในชีวิตประจำวัน

  • จัดท่านั่งทำงาน: เก้าอี้รองรับส่วนเอว เท้าวางราบ เข่าวางมุม ~90 องศา หน้าจอระดับสายตา
  • ลุกเปลี่ยนอิริยาบถทุก 30–45 นาที หยุดยืดเหยียดสั้น ๆ
  • หลีกเลี่ยงนั่งไขว่ห้าง และอย่าใส่กระเป๋าสตางค์หนาที่กระเป๋าหลัง
  • ปรับเบาะรถให้รองรับ หลังตรง สะโพกเสมอไหล่ และเข้าพักระหว่างทางหากขับนาน
  • ยกของให้ถูกหลัก: ชิดของ เข่างอ หลังตรง ใช้แรงจากขาและก้นแทนการก้มงอหลัง
  • จัดสภาพแวดล้อม: ใช้หมอนรองหลัง หมอนหนุนระหว่างเข่าเวลานอนตะแคง ลดแรงตึงสะโพก
  • ควบคุมน้ำหนัก: ลดแรงกดต่อสะโพกและกระดูกสันหลัง

5) การออกกำลังกายบำบัด: ยืด-เสริมสร้าง-รีเทรนการเคลื่อนไหว

โปรแกรมควรค่อยเป็นค่อยไป ไม่ทำให้ปวดลาม ระวังไม่แกว่งแรง ๆ และหายใจสม่ำเสมอ

  • ยืดกล้ามเนื้อสลักเพชร (Piriformis stretch): นอนหงาย ชันเข่า วางข้อเท้าข้างที่ปวดบนเข่าอีกข้าง ดึงต้นขาเข้าหาตัวจนตึงลึกก้น ค้าง 20–30 วินาที 3–5 ครั้ง/ด้าน
  • ดึงเข่าเข้าหาไหล่ข้ามฝั่ง: นอนหงาย ดึงเข่าข้างที่ปวดเข้าหาไหล่ตรงข้าม ค้าง 20–30 วินาที 3–5 ครั้ง
  • ยืดสะโพกด้านหน้า/หลัง และแฮมสตริง: ลดแรงดึงที่ดึงรั้งสะโพกร่วม
  • เสริมสร้างก้นและสะโพก: Clamshell, Glute bridge, Hip abduction ด้วยยางยืด 10–15 ครั้ง x 2–3 เซ็ต
  • แกนกลางลำตัว: Dead bug, Pallof press เพื่อเพิ่มเสถียรภาพเชิงกราน-หลังล่าง
  • ฝึกฮิงจ์สะโพก (Hip hinge): เรียนรู้ท่ายกของ/ก้มตัวที่ใช้สะโพกมากกว่าหลังล่าง

เคล็ดลับ: หากเริ่มทำแล้วปวดร้าวเพิ่ม ชา หรืออ่อนแรง ให้หยุดและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อปรับโปรแกรม

ทำไมต้องเลือก Dr.Sun – The Enlight Clinic

  • ผสานความเชี่ยวชาญสองศาสตร์: แพทย์วิสัญญี (Anesthetist) จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และแพทย์ฝังเข็ม เข้าใจระบบความปวดเชิงลึกและเลือกเทคนิคได้ปลอดภัย ตรงจุด
  • แนวทาง 5 เสา ครอบคลุมตั้งแต่ฝังเข็ม การใช้ยาอย่างเหมาะสม อาหารเสริมสนับสนุน การปรับพฤติกรรม และโปรแกรมบริหารเฉพาะบุคคล
  • ไม่ผ่าตัดเป็นหลัก: ออกแบบแผนฟื้นตัวให้กลับไปใช้ชีวิตเร็ว ลดเวลาหยุดงาน
  • ดูแลต่อเนื่องและประเมินผลซ้ำ: ปรับแผนตามอาการจริง ไม่ปล่อยให้ปวดเรื้อรัง
  • มีรีวิวและเคสจริงหลากหลาย: ผู้ป่วยที่เคยรักษาหลายวิธีไม่ดีขึ้น พบว่าการผสมผสานฝังเข็มและเวชปฏิบัติช่วยให้อาการบรรเทาได้ชัดเจน (ผลลัพธ์แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล)
  • ให้คำปรึกษาและสั่งยาตามหลัก “ครบ ถูก ถึง” ได้อย่างเป็นระบบ ทั้งที่คลินิกและกรณีเหมาะสมผ่านออนไลน์

การป้องกันและการดูแลตัวเอง

  • ยืดเหยียดกล้ามเนื้อสะโพก-แฮมสตริงสม่ำเสมอ หลังตื่นนอนและหลังนั่งทำงานนาน ๆ
  • เสริมสร้างกล้ามเนื้อก้นและแกนกลาง 2–3 วัน/สัปดาห์
  • ปรับโต๊ะ-เก้าอี้ให้พอดีตัว ลดการก้ม/บิดตัวซ้ำ ๆ
  • เลี่ยงนั่งไขว่ห้างและกระเป๋าหลังหนา
  • พักเปลี่ยนอิริยาบถทุก 30–45 นาที
  • ควบคุมน้ำหนัก และเลือกรองเท้าที่ซัพพอร์ตดีเมื่อยืนนาน/เดินเยอะ
  • หากเริ่มตึง ให้ใช้ความร้อนชื้น/ประคบอุ่นเบา ๆ 10–15 นาที ช่วยคลายกล้ามเนื้อ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: ปวดสลักเพชรต่างจากหมอนรองกระดูกทับเส้นอย่างไร?
A: ปวดสลักเพชรเกิดจากกล้ามเนื้อสลักเพชรกดระคายเส้นประสาท ทำให้ปวดลึกก้น-สะโพก กดจุดเฉพาะแล้วเจ็บชัด มักกำเริบเมื่อนั่งทับ/นั่งนาน ขณะที่หมอนรองกระดูกทับเส้นมักมีปวดหลังร้าวลงขาชัด บางรายมีอ่อนแรง รีเฟล็กซ์เปลี่ยน หรือชาที่เป็นแผนที่เส้นประสาท ตรวจร่างกายและซักประวัติอย่างละเอียดจะช่วยแยกโรคได้

Q: อาการสามารถหายเองได้ไหม?
A: หลายเคสดีขึ้นได้ด้วยการพัก-ยืดเหยียด-ปรับพฤติกรรม หากเริ่มเร็วและทำต่อเนื่อง แต่อาการที่เป็นเรื้อรังหรือมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างร่วมกัน มักต้องการการรักษาแบบผสมผสาน เช่น ฝังเข็ม กายภาพ และการใช้ยาตามแผน เพื่อหยุดวงจรปวด-เกร็ง-อักเสบ

Q: การนวดช่วยได้จริงหรือ?
A: การนวดคลายกล้ามเนื้อ/กดจุดลึก (trigger point) อาจช่วยลดเกร็งและปวดได้ โดยเฉพาะเมื่อทำควบคู่กับการยืดและเสริมสร้าง แต่ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญ เลี่ยงการกดแรงเกินจนปวดลามชาหรือเขียวช้ำ

Q: ต้องผ่าตัดไหม?
A: ส่วนใหญ่ไม่ต้องผ่าตัด การรักษาแบบอนุรักษ์นิยม (ฝังเข็ม ยา กายภาพ ปรับพฤติกรรม) มักได้ผลดี การผ่าตัดพิจารณาเฉพาะกรณีที่รักษาต่อเนื่อง 3–6 เดือนแล้วยังรุนแรงหรือมีภาวะทางระบบประสาทแย่ลง ซึ่งพบไม่บ่อย

Q: ต้องพักการออกกำลังกายนานแค่ไหน?
A: หลักคือหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระตุ้นปวด (เช่น วิ่งลงส้นหนัก นั่งนาน) แต่ให้ทยอยเพิ่มท่าเสริมสร้างก้น-สะโพกและแกนกลางแทน เมื่ออาการลดลงจึงค่อยกลับสู่กิจกรรมเดิมแบบค่อยเป็นค่อยไป

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

  • ปวดสะโพก/ก้น/ร้าวลงขารุนแรง หรือไม่ดีขึ้นภายใน 4–6 สัปดาห์
  • มีอาการชาหรืออ่อนแรงมากขึ้น เดินแล้วขาล้า/ทรุด
  • ปวดรบกวนการนอนและการทำงานอย่างชัดเจน
  • มีประวัติอุบัติเหตุ สะโพกบาดเจ็บ หรือสงสัยโรคร่วม
  • มีสัญญาณอันตราย เช่น ชาหลายบริเวณแบบแปลก ๆ คุมการขับถ่ายไม่ได้ ไข้ น้ำหนักลดผิดปกติ ควรพบแพทย์ทันที

สรุปและก้าวแรกสู่การหายปวด

ปวดสลักเพชรเป็นภาวะที่ “รักษาได้” ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด หากประเมินสาเหตุให้ตรงจุดและจัดการครอบคลุมทั้ง 5 เสา ได้แก่ การฝังเข็ม การใช้ยาตามหลักครบ-ถูก-ถึง อาหารเสริมสนับสนุนที่เหมาะสม การปรับพฤติกรรม และการออกกำลังกายฟื้นตัวอย่างเป็นระบบ

หากคุณต้องการแผนเฉพาะบุคคลที่ปลอดภัย ตรงสาเหตุ และเห็นผลเป็นขั้นเป็นตอน ทีมแพทย์ที่ The Enlight Clinic พร้อมช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้เต็มที่อีกครั้ง

ปรึกษาอาการหรือจองคิวได้ที่
โทร: 065-235-4944 หรือ 083-693-9965
Line: @drsun

Share this
Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on linkedin
LinkedIn