กระดูกคอเสื่อม ทำไงดี? 6 ท่าบริหารคลายตึง แบบไม่ต้องผ่าตัด

กระดูกคอเสื่อม ทำไงดี? 6 ท่าบริหารคลายตึง แบบไม่ต้องผ่าตัด
หลายคนที่ทำงานออฟฟิศหรือใช้มือถือเป็นประจำ คงเคยรู้สึกปวดคอ คอตึง หรือขยับคอลำบาก จนต้องมานั่งคิดว่า “เป็นอะไรกันนะ ทำไมคอถึงปวดขนาดนี้” แล้วเมื่อไปหาหมอ ก็ได้ฟังคำว่า “กระดูกคอเสื่อม” ทำให้เกิดความกังวลว่าจะต้องผ่าตัดหรือไม่ หรือจะมีวิธีรักษาแบบอื่นบ้างไหม

ความจริงแล้ว กระดูกคอเสื่อมเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมาก โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี หรือคนที่ใช้คอในท่าเดิมเป็นเวลานาน แต่ข่าวดีก็คือ เราสามารถจัดการกับอาการนี้ได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยวิธีการรักษาแบบผสมผสานที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงท่าบริหารง่ายๆ ที่ทำได้ที่บ้าน

กระดูกคอเสื่อมคืออะไร?

กระดูกคอเสื่อม หรือ Cervical Spondylosis เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อส่วนประกอบต่างๆ ของกระดูกสันหลังส่วนคอเริ่มเสื่อมตามอายุหรือการใช้งาน ได้แก่ หมอนรองกระดูก ข้อต่อ และกระดูกคอ ทำให้เกิดการอักเสบและกดทับเส้นประสาท

กลไกการเกิดโรคนี้เริ่มต้นจากการที่หมอนรองกระดูกคอสูญเสียความยืดหยุ่น กระดูกคอส่วนหน้าและหลังเริ่มเสื่อม ข้อต่อและเอ็นรอบกระดูกคอมีการเปลี่ยนแปลง จนทำให้เกิดหินปูนและกระดูกงอกขึ้น ซึ่งอาจไปกดทับเส้นประสาทและไขสันหลังได้

อาการที่พบบ่อยของกระดูกคอเสื่อม ได้แก่:

  • ปวดหและตึงบริเวณคอ
  • คอติด ขยับคอได้ลำบาก
  • ปวดร้าวไปที่แขน ข้อศอก หรือนิ้วมือ
  • ชาที่แขนหรือมือ
  • ปวดศีรษะ โดยเฉพาะบริเวณท้ายทอย
  • กล้ามเนื้อกระตุกหรือเกร็ง
  • มีเสียงป๊อปเมื่อขยับคอ
  • อ่อนแรงที่แขนหรือมือ (ในกรณีที่รุนแรง)

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของกระดูกคอเสื่อม

การเข้าใจสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงจะช่วยให้เราป้องกันและรักษาได้อย่างตรงจุด สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดกระดูกคอเสื่อม ได้แก่:

  • อายุ: ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี มีความเสี่ยงสูงขึ้น เนื่องจากการเสื่อมตามธรรมชาติ
  • การใช้งานคอในท่าที่ผิด: เช่น การก้มเล่นมือถือ นั่งทำงานท่าเดิมเป็นเวลานาน
  • ประวัติอุบัติเหตุบริเวณคอ: การบาดเจ็บเก่าๆ อาจเร่งให้เกิดการเสื่อม
  • ภาวะกระดูกพรุน: ทำให้กระดูกคอแข็งแรงน้อยลง
  • น้ำหนักตัวมากเกินไป: สร้างภาระให้กับกระดูกสันหลัง
  • ปัจจัยทางพันธุกรรม: ครอบครัวที่มีประวัติโรคกระดูก
  • ขาดการออกกำลังกาย: โดยเฉพาะการบริหารกล้ามเนื้อคอและไหล่

ผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน

กระดูกคอเสื่อมไม่ได้ส่งผลกระทบแค่เรื่องความปวดเท่านั้น แต่ยังรบกวนกิจกรรมในชีวิตประจำวันอย่างมาก ตัวอย่างเช่น:

ในการทำงาน: การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานทำให้คอตึงและปวดมากขึ้น การเขียนหรือใช้มือทำงานละเอียดอาจมีปัญหาจากอาการชาปลายนิ้วหรืออ่อนแรง

ในการขับรถ: การหันหลังหรือมองกระจกข้างเป็นเรื่องลำบาก อาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้

ในการพักผ่อน: คุณภาพการนอนหลับแย่ลง เพราะหาท่านอนที่สบายยาก ตื่นมาแล้วคอยังตึงและปวด

ปัญหาเหล่านี้หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาจส่งผลให้คุณภาพชีวิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

วิธีรักษากระดูกคอเสื่อมแบบไม่ต้องผ่าตัด

การรักษากระดูกคอเสื่อมในปัจจุบันมีหลายวิธีที่มีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ซึ่งแต่ละวิธีจะทำงานร่วมกันเพื่อลดอาการปวดและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

1. การฝังเข็มแบบผสมผสาน

การฝังเข็มที่ผสมผสานความรู้ทางการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์แผนจีน สามารถช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการกระตุ้นจุดประสาทเฉพาะเพื่อปลดปล่อยสารธรรมชาติในร่างกายที่ช่วยลดความปวด

2. การใช้ยาตามหลัก “ให้ครบ ให้ถูก ให้ถึง”

การเลือกใช้ยาที่เหมาะสมเป็นส่วนสำคัญของการรักษา โดยหลักการคือ:

  • ให้ครบ: ใช้ยาครบทุกกลุ่มที่จำเป็น เช่น ยาแก้ปวด ยาลดการอักเสบ
  • ให้ถูก: เลือกยาที่เหมาะสมกับสาเหตุและอาการของผู้ป่วยแต่ละราย
  • ให้ถึง: ใช้ยาในปริมาณที่เพียงพอเพื่อหยุดกระบวนการอักเสบอย่างสมบูรณ์

3. อาหารเสริมที่ช่วยฟื้นฟูข้อต่อ

อาหารเสริมที่มีส่วนประกอบสำคัญ เช่น Collagen Type II ที่ช่วยฟื้นฟูหมอนรองกระดูก Proteoglycan ที่เพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อ และแมกนีเซียมที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ สามารถช่วยสนับสนุนการรักษาและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำได้

4. การปรับพฤติกรรมและลดความเสี่ยง

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเป็นรากฐานสำคัญของการรักษา ได้แก่:

  • การจัดท่าทางการทำงานให้ถูกต้อง
  • การออกแบบสถานที่ทำงานให้เหมาะสมกับร่างกาย
  • การใช้อุปกรณ์ช่วยที่เหมาะสม เช่น หมอนรองคอ
  • การหลีกเลี่ยงการก้มเล่นมือถือหรือแท็บเล็ตเป็นเวลานาน

5. การออกกำลังกายและท่าบริหาร 6 ท่าสำคัญ

ท่าบริหารเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบคอและไหล่ ลดความตึงเครียด และป้องกันการเกิดอาการซ้ำ:

ท่าที่ 1: เก็บคาง (Chin Tuck)
นั่งหลังตรง เก็บคางเข้าหาคอให้ใบหูอยู่ตรงกับไหล่ ค้างไว้ 5 วินาที ทำ 10 ครั้ง รวม 5 รอบ

ท่าที่ 2: ท่า V-W
ยืนพิงผนัง ใช้ผ้าขนหนูรองท้ายทอย ยกแขนเป็นรูป V แล้วเปลี่ยนเป็น W ขณะดันผ้าขนหนูเบาๆ

ท่าที่ 3: ยกไหล่และหมุนไหล่
ยกไหล่ขึ้นแล้วค่อยๆ ปล่อยลง จากนั้นหมุนไหล่เป็นวงกลมทั้งไปข้างหน้าและข้างหลัง

ท่าที่ 4: ก้มและเงยคออย่างช้าๆ
ค่อยๆ ก้มคอลงจนคางแตะอก แล้วเงยคอขึ้นอย่างช้า ระวังอย่าให้เกิดอาการวิงเวียน

ท่าที่ 5: หันคอซ้าย-ขวา
หันหน้าไปทางซ้ายและขวาสลับกัน ในระดับที่สบายและไม่เจ็บ

ท่าที่ 6: ยืดคอด้านข้าง
เอียงศีรษะไปข้างหนึ่งแล้วใช้มือดึงเบาๆ เพื่อยืดกล้ามเนื้อด้านข้างของคอ

 

ทำไมต้องเลือกคลินิกหมอซัน

คลินิกหมอซัน มีจุดเด่นที่แตกต่างจากที่อื่น ด้วยการรักษาแบบผสมผสานที่ไม่ใช่เพียงแค่การฝังเข็มทางแพทย์ตะวันตกหรือแพทย์แผนจีนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเทคนิคพิเศษที่ผสมผสานความรู้จากทั้งสองด้าน ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญฝังเข็มและวิสัญญีแพทย์จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

สิ่งที่ทำให้หมอซันพิเศษคือ ความจริงใจและการให้เวลาดูแลในการรักษา พร้อมติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด มีหลักฐานและรีวิวชัดเจนจากผู้ป่วยที่เคยปวดมานาน รักษามาหลายที่ไม่หาย หรือแม้กระทั่งผู้ป่วยที่ผ่าตัดมาแล้วแต่ยังไม่หายปวด ก็สามารถได้รับการช่วยเหลือจากการฝังเข็มของหมอซัน

การป้องกันและการดูแลตัวเอง

การป้องกันมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการรักษา เพราะจะช่วยไม่ให้อาการกลับมาเป็นซ้ำหรือแย่ลง:

  • ออกกำลังกายกล้ามเนื้อคอและไหล่เป็นประจำอย่างน้อยวันละ 15-20 นาที
  • ปรับท่านั่งและทำงานให้เหมาะสม หน้าจอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ในระดับสายตา
  • หลีกเลี่ยงการก้มเล่นมือถือหรือแท็บเล็ตเป็นเวลานาน ควรพักสายตาทุก 30 นาที
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีเพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงการนอนหมอนสูงเกินไป
  • จัดสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสม

คำถามที่พบบ่อย

Q: กระดูกคอเสื่อมหายขาดได้ไหม?
A: แม้ว่ากระดูกคอเสื่อมจะไม่สามารถหายขาดได้ แต่เราสามารถควบคุมอาการให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ด้วยการรักษาที่เหมาะสมและการปรับพฤติกรรม

Q: ท่าบริหารคอปลอดภัยจริงหรือไม่?
A: ท่าบริหารที่เหมาะสมสามารถลดปวดและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้ แต่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มทำ และหยุดทันทีหากเกิดอาการปวดหรือวิงเวียน

Q: จะต้องผ่าตัดหรือไม่?
A: ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด เฉพาะกรณีที่มีอาการรุนแรง เช่น อ่อนแรงมาก หรือมีการกดทับไขสันหลังอย่างรุนแรงเท่านั้น

Q: การกินอาหารเสริมช่วยได้จริงหรือไม่?
A: อาหารเสริมสามารถช่วยสนับสนุนการรักษาได้ แต่ไม่สามารถแทนที่การรักษาหลักได้ ควรเลือกใช้ตามคำแนะนำของแพทย์

Q: ปวดคอเรื้อรังควรทำอย่างไร?
A: ควรปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต หาเวลายืดเหยียดกล้ามเนื้อเป็นประจำ และพบแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

แม้ว่าการดูแลตัวเองจะสำคัญ แต่มีบางสถานการณ์ที่คุณควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว:

  • อาการปวดไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หรือเป็นมาเกิน 3 เดือน
  • ปวดรุนแรงจนเคลื่อนไหวได้ยาก หรือมีอาการอ่อนแรง
  • มีอาการชาหรืออ่อนแรงที่แขน ขา หรือขยับร่างกายลำบาก
  • อาการรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันหรือการนอนหลับ
  • มีสัญญาณของการกดทับไขสันหลัง เช่น ทรงตัวไม่ได้ ขาอ่อนแรง
  • มีอาการวิงเวียน ปวดศีรษะรุนแรง หรือคลื่นไส้อาเจียน

การรักษากระดูกคอเสื่อมในยุคปัจจุบันมีความก้าวหน้ามาก ไม่จำเป็นต้องทนกับความปวดหรือกังวลเรื่องการผ่าตัด การผสมผสานระหว่างการฝังเข็ม การใช้ยาที่เหมาะสม การปรับพฤติกรรม และการบริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

หากคุณกำลังประสบปัญหากับอาการปวดคอ คอตึง หรือกระดูกคอเสื่อม อย่าปล่อยให้อาการแย่ลง ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คลินิกหมอซันพร้อมให้คำปรึกษาและการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพของคุณ

ติดต่อเราได้ที่:
📞 โทร: 065-235-4944, 083-693-9965
💬 Line Official: @drsun

Share this
Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on linkedin
LinkedIn