
หลายคนที่เผชิญกับอาการปวดคอเรื้อรัง ชาแขน หรือปวดศีรษะท้ายทอยบ่อย ๆ อาจไม่ทราบว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังประสบอยู่คือ “กระดูกคอเสื่อม” ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปี หรือแม้แต่วัยทำงานที่ต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
อาการเหล่านี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อการทำงานและกิจวัตรประจำวัน แต่ยังทำให้หลายคนกังวลเรื่องความรุนแรงของโรค กลัวว่าจะต้องผ่าตัด หรือเป็นอัมพาต บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ และที่สำคัญคือ วิธีรักษากระดูกคอเสื่อมแบบไม่ต้องผ่าตัดที่มีประสิทธิภาพ
กระดูกคอเสื่อมคืออะไร
กระดูกคอเสื่อม (Cervical Spondylosis) เป็นภาวะที่เกิดจากการเสื่อมตามอายุของกระดูกสันหลังส่วนคอและโครงสร้างรอบข้าง ได้แก่ หมอนรองกระดูก ข้อต่อ และเอ็นรอบคอ เมื่อหมอนรองกระดูกเริ่มเสื่อม จะเกิดการโป่งออกมากดทับเส้นประสาทหรือไขสันหลัง ส่งผลให้เกิดอาการปวดและอักเสบของกล้ามเนื้อรอบคอ
อาการที่พบบ่อยของกระดูกคอเสื่อม ได้แก่:
- ปวดคอเรื้อรัง โดยเฉพาะตอนเช้าหรือหลังนั่งทำงานนาน
- ขยับคอลำบาก มีอาการคอติดหรือแข็ง
- อาการชา อ่อนแรง หรือเสียวซ่าร้าวลงแขนและมือ
- ปวดศีรษะท้ายทอย
- เสียงแกรกเมื่อหมุนคอ
- เดินลำบากในกรณีที่มีการกดทับไขสันหลัง
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของกระดูกคอเสื่อม
การเข้าใจสาเหตุของกระดูกคอเสื่อมจะช่วยให้เราป้องกันและรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สาเหตุหลักและปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่:
- อายุที่เพิ่มขึ้น: พบมากในผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปี โดยสถิติแสดงว่ามากกว่า 85% ของผู้ที่อายุเกิน 60 ปีจะมีรอยโรคในภาพถ่ายรังสี
- ท่าทางการทำงานผิดปกติ: การนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน การก้มดูโทรศัพท์บ่อย ๆ
- การใช้งานคอซ้ำ ๆ: การยกของหนัก การหมุนคอแรง ๆ บ่อย ๆ
- อุบัติเหตุหรือบาดเจ็บ: การได้รับแรงกระแทกที่คอในอดีต
- โรคเรื้อรัง: เบาหวาน โรคอ้วน การสูบบุหรี่
- ปัจจัยทางพันธุกรรม: มีประวัติครอบครัวเป็นโรคกระดูกเสื่อม
ผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน
กระดูกคอเสื่อมไม่ใช่เพียงแค่อาการปวดธรรมดา แต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในหลายด้าน หลายคนที่มีอาการจะพบว่า:
ในด้านการทำงาน พบว่าการนั่งหน้าคอมพิวเตอร์หรือขับรถเป็นเวลานานทำให้ปวดคอมากขึ้น ขาดสมาธิในการทำงานเพราะต้องทนกับอาการปวดและปวดศีรษะ บางครั้งอาจต้องหยุดงานเพื่อไปรักษา
ในด้านการพักผ่อน ผู้ป่วยมักนอนหลับไม่สนิทเพราะอาการเจ็บคอหรือชาร้าวแขน ต้องเปลี่ยนท่านอนบ่อย ๆ ทำให้ตื่นมาแล้วไม่สดชื่น ส่งผลต่ออารมณ์และความสามารถในการทำงานในวันถัดไป
สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะที่มีไขสันหลังถูกกดทับ อาจพบปัญหาการเดินไม่มั่นคง การทรงตัวลำบาก ซึ่งส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน
วิธีรักษากระดูกคอเสื่อมแบบไม่ต้องผ่าตัด
ข่าวดีคือ กระดูกคอเสื่อมส่วนใหญ่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีไม่ต้องผ่าตัด โดยการใช้แนวทางการรักษาแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทั้ง 5 เสาหลัก ดังนี้:
1. การรักษาด้วยการฝังเข็ม
การฝังเข็มที่ผสมผสานความรู้ทางการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์แผนจีน ช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ งานวิจัยแสดงว่าการฝังเข็มช่วยลดอาการปวดเฉียบพลันและลดความเครียดของกล้ามเนื้อรอบคอได้ดี โดยการกระตุ้นจุดประสาทเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความปวดและการไหลเวียนของเลือด
2. การใช้ยาตามหลัก “ให้ครบ ให้ถูก ให้ถึง”
การใช้ยาอย่างเป็นระบบเป็นกุญแจสำคัญในการรักษา:
- ให้ครบ: ใช้ยาครบทุกกลุ่มที่จำเป็น เช่น ยาต้านการอักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อ
- ให้ถูก: เลือกยาที่เหมาะสมกับสาเหตุและอาการของผู้ป่วยแต่ละราย
- ให้ถึง: ใช้ยาในปริมาณที่เพียงพอเพื่อหยุดกระบวนการอักเสบอย่างสมบูรณ์
ยาที่ใช้บ่อยได้แก่ ยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) และยาคลายกล้ามเนื้อ เช่น orphenadrine ในบางกรณีอาจใช้ยาทาเฉพาะที่ร่วมด้วย
3. อาหารเสริมเฉพาะทาง
อาหารเสริม DrSUN4in1 ที่ผสานสารสกัดคุณภาพสูงจากต่างประเทศ ได้แก่:
- Collagen Type II จากอเมริกา ช่วยฟื้นฟูหมอนรองกระดูก
- Proteoglycan จากญี่ปุ่น เพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อ
- แมกนีเซียม ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
นอกจากนี้ วิตามินดีและแคลเซียมยังจำเป็นสำหรับผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุนร่วมด้วย และ Omega-3 ที่อาจช่วยลดการอักเสบ
4. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและลดความเสี่ยง
การปรับปรุงสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมการทำงานมีความสำคัญมาก:
- ปรับการจัดท่าทางการทำงานให้ถูกต้อง (Ergonomic)
- เปลี่ยนอิริยาบถทุก 30 นาที
- หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือการก้ม/แหงนคอนาน ๆ
- ควบคุมน้ำหนักและเลิกสูบบุหรี่
- ใช้อุปกรณ์ช่วยที่เหมาะสม เช่น หมอนรองคอ
5. การออกกำลังกายและการบริหารเฉพาะทาง
การออกกำลังกายที่เหมาะสมช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและลดอาการ:
- ท่าบริหารเก็บคาง (Chin tuck): ทำวันละ 5 รอบ รอบละ 10 ครั้ง
- การยืดกล้ามเนื้อคอ: หมุนคอช้า ๆ เอียงคอไปข้าง ๆ
- การออกกำลังกายแบบ Isometric: กดคอต้านแรงเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
- การประคบร้อน: 10-15 นาที เพื่อคลายกล้ามเนื้อ
ทำไมต้องเลือกหมอซัน The Enlight Clinic
The Enlight Clinic โดดเด่นด้วยการรักษาแบบองค์รวมที่ผสมผสานความเชี่ยวชาญทางการแพทย์สมัยใหม่เข้ากับเทคนิคการฝังเข็มเฉพาะทาง ดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญฝังเข็มที่เป็นวิสัญญีแพทย์จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
จุดเด่นของการรักษาที่ Dr.SUN ได้แก่:
- เทคนิคการฝังเข็มเฉพาะที่แตกต่างจากที่อื่น ช่วยให้ผู้ป่วยหายปวดได้รวดเร็วและไม่ต้องใช้เวลานานในการรักษา
- การสั่งยาแบบครบถ้วนตามหลักการทางการแพทย์ ช่วยให้ผู้ป่วยหายป่วยได้จริงแม้กระทั่งก่อนมาฝังเข็มที่คลินิก
- ระบบการติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิดผ่านช่องทางออนไลน์
- มีรีวิวจากผู้ป่วยจำนวนมากที่ได้รับการรักษาจนหายปวดแม้กระทั่งกรณีที่รักษาที่อื่นมานานไม่ดีขึ้น
การป้องกันและการดูแลตัวเอง
การป้องกันกระดูกคอเสื่อมและการดูแลตัวเองที่บ้านมีความสำคัญไม่แพ้การรักษา:
- ออกกำลังกายเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบคอและหลังเป็นประจำ
- ปรับท่านั่ง-ยืนให้ถูกต้อง ไม่ก้มหรือเงยคอเป็นเวลานาน
- เปลี่ยนอิริยาบถทุก 30 นาที เพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อตึงเครียด
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้คอได้รับแรงกระแทก
- นอนหลับให้เพียงพอและใช้หมอนที่เหมาะสมกับรูปร่าง
- จัดสภาพแวดล้อมการทำงานให้เอื้อต่อการรักษาสุขภาพคอ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: กระดูกคอเสื่อมต้องผ่าตัดหรือไม่?
A: ส่วนใหญ่สามารถรักษาด้วยวิธีไม่ผ่าตัดก่อน การผ่าตัดจะพิจารณาเฉพาะกรณีที่อาการรุนแรงมากหรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น
Q: การบริหารคอเองที่บ้านอันตรายไหม?
A: ส่วนใหญ่ปลอดภัยถ้าทำถูกวิธีและไม่ฝืนหรือทำเกินควร แต่ควรปรึกษานักกายภาพหรือแพทย์ก่อนเพื่อความปลอดภัย
Q: การออกกำลังกายช่วยให้อาการดีขึ้นได้จริงหรือ?
A: ได้ โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่เน้นกล้ามเนื้อรอบคอและหลีกเลี่ยงท่าที่ทำให้อาการรุนแรงขึ้น
Q: อาหารเสริมช่วยรักษาได้จริงหรือ?
A: อาหารเสริมสามารถช่วยสนับสนุนการรักษาได้ โดยเฉพาะที่มีส่วนประกอบของ Collagen Type II และสารต้านการอักเสบ แต่ควรใช้ร่วมกับการปรึกษาแพทย์
Q: เมื่อไรควรไปหาหมอ?
A: หากมีอาการปวด ชา หรืออ่อนแรงที่มากขึ้นหรือรบกวนชีวิตประจำวัน ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
แม้ว่ากระดูกคอเสื่อมจะรักษาได้ด้วยวิธีไม่ต้องผ่าตัด แต่การรู้จักสังเกตอาการที่ควรพบแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ คุณควรรีบพบแพทย์เมื่อ:
- อาการปวดไม่ลดลงหลังการรักษาด้วยตัวเอง 2-4 สัปดาห์
- มีอาการชา อ่อนแรง หรือเสียวซ่าร้าวลงแขนและขา
- มีอาการเดินลำบาก ขาไม่มีแรง หรือทรงตัวไม่อยู่
- มีปัญหาการปัสสาวะหรืออุจจาระผิดปกติ
- มีไข้ น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
- อาการรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วหรือมีอาการใหม่เพิ่มขึ้น
การรักษาที่ได้รับเร็วจะช่วยป้องกันไม่ให้อาการแย่ลงและเพิ่มโอกาสในการหายขาด
กระดูกคอเสื่อมไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวหากได้รับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม การผสมผสานระหว่างการฝังเข็ม การใช้ยาอย่างเป็นระบบ การเสริมอาหารเสริมที่เหมาะสม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการออกกำลังกายที่ถูกวิธี จะช่วยให้คุณกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้
หากคุณกำลังประสบปัญหากระดูกคอเสื่อมหรือมีอาการปวดคอเรื้อรัง อย่ารอช้า ติดต่อ Dr.SUN วันนี้เพื่อรับคำปรึกษาและการรักษาที่เหมาะสมของคุณ
ติดต่อเรา:
โทร: 065-235-4944, 083-693-9965
Line Official: @drsun





