
ปวดหลังร้าวลงขา ไม่ใช่แค่คำบอกเล่า แต่เป็นความทรมานที่แทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของชีวิต ทั้งการทำงาน การเดิน การนั่ง การนอน จนถึงคุณภาพชีวิตโดยรวม หลายคนต้องหยุดกิจกรรมกลางคันเพราะความเจ็บปวดหรืออาการชาที่แล่นร้าวลงไปถึงสะโพก น่อง หรือปลายเท้า บทความนี้จะเป็นเสมือนแผนที่นำทางที่คุณทำตามได้จริง ทั้งการทำความเข้าใจโรคอย่างถูกต้อง แนวทางรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด และ 5 ท่าบริหารที่คุณทำเองได้ที่บ้านเพื่อคลายอาการชา บรรเทาความปวด และพาคุณกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง
อาการนี้คืออะไร? เข้าใจ “ปวดหลังร้าวลงขา” ให้ชัด
อาการปวดหลังร้าวลงขามักเกี่ยวข้องกับการระคายเคืองหรือการกดทับของเส้นประสาทไซแอททิก เส้นประสาทใหญ่ที่ทอดยาวจากหลังลงไปตามขาทั้งสองข้าง สาเหตุที่พบบ่อยคือหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นกดทับเส้นประสาท การเสื่อมของข้อต่อกระดูกสันหลัง การหนาตัวของเอ็นหรือกระดูกงอก รวมถึงภาวะกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท หรือที่เรียกว่า Piriformis syndrome
- ความรู้สึกปวดที่หลังส่วนล่างหรือเอว มักเป็นๆ หายๆ แล้วปวดร้าวลงไปที่สะโพก ต้นขา น่อง หรือถึงเท้า
- อาการชา เสียวแปลบ คล้ายไฟช็อต หรือเป็นตะคริวที่ขา ส่วนใหญ่จะเป็นข้างเดียว
- บางรายมีอาการอ่อนแรง กล้ามเนื้อกระดกข้อเท้าหรือเหยียดนิ้วเท้าได้ไม่เต็มที่
- เดินได้ไม่ไกล ต้องหยุดพักเพราะปวดหรือชา โดยเฉพาะเวลาแหงนตัวหรือนั่งนานๆ
- ความเจ็บปวดมักลามตามแนวเส้นประสาทไซแอททิก เหมือนมีเส้นความเจ็บปวดที่วิ่งลงมาตามขา
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
- หมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นหรือเคลื่อน ทำให้เนื้อหมอนยื่นออกมากดทับรากประสาท
- กระดูกสันหลังเสื่อมตามวัย ทำให้เกิดการหนาตัวของเอ็นหรือมีกระดูกงอกงอกออกมา
- กล้ามเนื้อก้นลึก โดยเฉพาะกล้ามเนื้อสะโพกพีริฟอร์มิส เกิดการตึงตัวหรืออักเสบจนหนีบเส้นประสาท
- พฤติกรรมเสี่ยง เช่น นั่งนานเกินไป นั่งหลังค่อม นั่งไขว้ขา หรือใช้เก้าอี้ที่ไม่รองรับหลังอย่างเหมาะสม
- การยกของหนักผิดท่า หรือการก้มบิดตัวอย่างไม่ถูกวิธี
- อุบัติเหตุ การเล่นกีฬาที่มีการกระแทกรุนแรง หรือการหกล้ม
- พบได้บ่อยในวัยทำงาน โดยเฉพาะช่วงอายุ 30–50 ปี ซึ่งเป็นวัยที่ร่างกายเริ่มมีการเสื่อมแต่ยังต้องใช้งานหนัก
ผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
เมื่อปวดหลังร้าวลงขา แม้แต่กิจวัตรธรรมดาก็กลายเป็นความท้าทาย การนั่งทำงานเพียงไม่กี่นาทีอาจทำให้คุณต้องลุกขึ้นเปลี่ยนท่าบ่อยครั้งเพราะความเจ็บปวดที่ทวีความรุนแรง การเดินช้อปปิ้งหรือเที่ยวห้างกลายเป็นเรื่องยาก ต้องหาที่นั่งพักเป็นระยะ แม้แต่การนอนก็ไม่สงบสุข หลายคนนอนไม่หลับ พลิกตัวไม่ได้ และตื่นมาพร้อมความอ่อนล้า ส่งผลให้พลังงานและสมาธิในแต่ละวันลดลง กระทบทั้งประสิทธิภาพในการทำงานและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง การจัดการอาการตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นกุญแจสำคัญสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
วิธีรักษาอาการปวดหลังร้าวลงขาแบบไม่ผ่าตัด
ที่ The Enlight Clinic โดยหมอซัน เราใช้แนวทางการรักษาแบบ 5 เสา (Integrated 5-Pillar Care) ที่ผสมผสานการแพทย์แผนปัจจุบันเข้ากับการแพทย์แผนจีนอย่างลงตัว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย เห็นผลได้จริง และลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำในระยะยาว
เสาที่ 1: การฝังเข็มแบบผสมผสาน (Acupuncture)
งานวิจัยจำนวนมากยืนยันว่าการฝังเข็มสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหลังเรื้อรังและอาการปวดร้าวลงขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแค่ลดความเจ็บปวด แต่ยังช่วยเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหว กระตุ้นการไหลเวียนเลือด และลดการอักเสบได้อีกด้วย หมอซันเป็นทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝังเข็มและวิสัญญีแพทย์จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จึงสามารถใช้เทคนิคเฉพาะทางในการเลือกจุดฝังเข็มอย่างแม่นยำ ปรับให้เหมาะกับต้นเหตุของอาการในแต่ละบุคคล เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการบรรเทาอาการอย่างรวดเร็วและปลอดภัย โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละราย
เสาที่ 2: การใช้ยา “ให้ครบ ให้ถูก ให้ถึง”
- ให้ครบ: ครอบคลุมยากลุ่มที่จำเป็น เช่น ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ที่ช่วยลดการอักเสบที่ต้นเหตุ ยาคลายกล้ามเนื้อที่ช่วยคลายการเกร็งตัว และในบางกรณีอาจต้องใช้ยาที่ออกฤทธิ์ต่อเส้นประสาทโดยตรง เช่น Gabapentin หรือ Amitriptyline ตามความเหมาะสม
- ให้ถูก: การเลือกยาต้องพิจารณาจากสาเหตุที่แท้จริง ลักษณะอาการ และโรคประจำตัวของผู้ป่วย ทำให้แต่ละคนได้รับสูตรยาที่แตกต่างกันตามความเหมาะสม
- ให้ถึง: ปรับขนาดยาและระยะเวลาการใช้ให้พอเหมาะ เพื่อตัดวงจรการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของตับ ไต และกระเพาะอาหารเป็นสำคัญ
การใช้ยาทุกชนิดควรอยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น ที่คลินิกของเรามีบริการให้คำปรึกษาและติดตามผลอย่างใกล้ชิด แม้กระทั่งในผู้ป่วยที่รับการรักษาแบบออนไลน์
เสาที่ 3: อาหารเสริมเพื่อการฟื้นฟูอย่างมีหลักฐาน
- DrSUN4in1: สูตรผสมที่รวม Collagen Type II จากอเมริกา, Proteoglycan จากญี่ปุ่น, และแมกนีเซียม ช่วยเสริมความยืดหยุ่นของข้อต่อ คลายกล้ามเนื้อที่เกร็งตัว และสนับสนุนการฟื้นฟูของหมอนรองกระดูก
- โอเมกา-3 (น้ำมันปลา): มีงานวิจัยรองรับเกี่ยวกับฤทธิ์ต้านการอักเสบที่ช่วยลดความเจ็บปวดได้
- กลูโคซามีน/คอนดรอยติน: อาจช่วยบรรเทาอาการในผู้ที่มีภาวะเสื่อมของข้อต่อบางกลุ่ม
ทั้งนี้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและผ่านการรับรองคุณภาพ และควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ โดยเฉพาะหากมีโรคประจำตัวหรือกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือดอยู่
เสาที่ 4: การลดความเสี่ยงและปรับพฤติกรรม
- ท่านั่งทำงาน: จัดให้หลังพิงพนักเก้าอี้ เก็บคางเล็กน้อย วางเท้าราบกับพื้น และปรับจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา
- หลีกเลี่ยงการนั่งนาน: ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายและเปลี่ยนอิริยาบถทุก 30–45 นาที
- การยกของ: ยกของให้ชิดตัว ย่อตัวใช้แรงจากสะโพกและเข่า ไม่ก้มหรือบิดลำตัว
- ควบคุมน้ำหนัก: ลดภาระที่กดลงบนกระดูกสันหลังและข้อต่อต่างๆ
- พักและประคบร้อน: ช่วยคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งตัวในช่วงที่อาการกำเริบ
เสาที่ 5: การออกกำลังกายบำบัด 5 ท่าคลายชา ลดปวด ทำเองได้
การทำอย่างสม่ำเสมอ วันละ 1–2 รอบ แต่ละท่า 8–12 ครั้ง หรือค้างยืด 20–30 วินาที 2–3 เซ็ต โดยไม่ฝืนความเจ็บปวด หากรู้สึกปวดร้าวมากขึ้น ให้หยุดและปรึกษาแพทย์ทันที
- ท่างอต้นขาเข้าหาหน้าท้อง (Knee-to-Chest)
เริ่มจากนอนหงาย งอเข่าวางเท้าราบกับพื้น เก็บคางเล็กน้อยเพื่อรักษาแนวกระดูกคอ จากนั้นค่อยๆ ดึงเข่าข้างที่มีอาการปวดเข้าหาหน้าอก ค้างไว้ 20–30 วินาที แล้วสลับข้าง หากไม่มีอาการปวดมาก คุณสามารถดึงทั้งสองเข่าพร้อมกันได้ ท่านี้ช่วยลดความตึงที่หลังส่วนล่าง และเปิดช่องว่างระหว่างข้อกระดูกสันหลัง - ยืดกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง (Hamstring Stretch)
นอนหงายบนพื้น ใช้ผ้าขนหนูหรือสายยืดคล้องใต้เท้าข้างที่มีอาการ จากนั้นค่อยๆ เหยียดเข่าให้ตรง แล้วดึงปลายเท้าเข้าหาตัวจนรู้สึกตึงที่ด้านหลังต้นขา ค้างไว้ 20–30 วินาที ท่านี้ช่วยคลายเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อหลังต้นขาที่ตึง ซึ่งมักดึงรั้งหลังส่วนล่างให้ปวด - ท่าแมว-วัว (Cat–Cow)
เริ่มในท่าคุกเข่าคล้ายสัตว์สี่ขา มือวางใต้ไหล่ เข่าอยู่ใต้สะโพกพอดี หายใจออกพร้อมโก่งหลังขึ้นเหมือนแมวขู่ (Cat) แล้วค่อยๆ หายใจเข้าพร้อมแอ่นหลังลงเหมือนวัว (Cow) ทำช้าๆ ต่อเนื่อง 8–12 ครั้ง ท่านี้ช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลัง และลดอาการตึงเครียดของกล้ามเนื้อหลัง - ยืดกล้ามเนื้อสะโพกพีริฟอร์มิส (Piriformis Stretch)
นอนหงาย ชันเข่าทั้งสองข้าง จากนั้นวางข้อเท้าของขาข้างที่ปวดบนเข่าอีกข้างหนึ่ง ให้เป็นรูปเลข 4 แล้วใช้มือจับใต้ต้นขาข้างล่าง ค่อยๆ ดึงเข้าหาลำตัวจนรู้สึกตึงที่สะโพกด้านนอก ค้างไว้ 20–30 วินาที ท่านี้ช่วยคลายกล้ามเนื้อสะโพกที่อาจกำลังหนีบเส้นประสาทไซแอททิก - เดินเบาๆ หรือปั่นจักรยานวางเท้า (Low-Impact Cardio)
เดินสบายๆ ประมาณ 10–20 นาที บนพื้นเรียบ หรือปั่นจักรยานอยู่กับที่โดยตั้งความต้านทานต่ำ การเคลื่อนไหวแบบนี้ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ และช่วยให้ระบบประสาทปรับตัวดีขึ้น
เคล็ดลับ: สำหรับผู้ที่มีอาการร้าวลงขาชัดเจน แนะนำให้เริ่มจากการยืดเบาๆ ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มการบริหารกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (core) อย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่น การเกร็งหน้าท้องแบบดึงสะดือเข้าหาสันหลัง (Abdominal drawing-in) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับแกนกลางร่างกาย
ทำไมต้องเลือก The Enlight Clinic โดยหมอซัน
- ผู้เชี่ยวชาญสองศาสตร์: หมอซันมีความเชี่ยวชาญทั้งในฐานะแพทย์ฝังเข็มและวิสัญญีแพทย์จากศิริราช จึงสามารถผสมผสานความรู้จากการแพทย์แผนปัจจุบันและแผนจีนได้อย่างลงตัวและปลอดภัย
- เทคนิคฝังเข็มเฉพาะทาง: ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ หมอซันสามารถเล็งเป้าหมายได้ตรงจุดต้นเหตุ ช่วยให้ผู้ป่วยหลายรายเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนโดยไม่ต้องผ่าตัด
- แนวทาง 5 เสาแบบองค์รวม: การผสมผสานการฝังเข็ม ยาที่เหมาะสม อาหารเสริมคุณภาพสูง การปรับพฤติกรรม และโปรแกรมออกกำลังกายฟื้นฟู ทำให้การรักษาครอบคลุมทุกมิติ
- การดูแลอย่างใกล้ชิด: เรามีระบบติดตามผลและให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล ทั้งที่คลินิกและผ่านช่องทางออนไลน์
- รีวิวจากผู้ป่วยจริง: มีกรณีศึกษามากมายของผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรัง เคยรักษาที่อื่นมาแล้วไม่ดีขึ้น หรือแม้กระทั่งผู้ที่ผ่านการผ่าตัดมาแล้ว ยังสามารถกลับมาเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นด้วยโปรแกรมของเรา (ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล)
การป้องกันและการดูแลตัวเอง
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยเน้นเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางและเพิ่มความยืดหยุ่นของสะโพกและหลัง
- จัดสภาพแวดล้อมการทำงานให้เอื้อต่อสุขภาพ ใช้เก้าอี้ที่รองรับหลังได้ดี ปรับจอให้อยู่ในระดับสายตา และวางคีย์บอร์ดในตำแหน่งที่เอื้อมถึงได้สะดวก
- หมั่นพักเปลี่ยนอิริยาบถทุก 30–45 นาที และทำการยืดเส้นยืดสายเล็กๆ น้อยๆ (ไมโครสตรีทช์) ประมาณ 1–2 นาที
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม เพื่อลดแรงกดทับที่กระดูกสันหลัง
- ประคบร้อนเพื่อคลายกล้ามเนื้อหลังจากออกกำลังกาย หรือหลังจากนั่งทำงานเป็นเวลานาน
- หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือการก้มบิดตัว หากจำเป็นต้องยกของ ให้ย่อตัวลงและนำของเข้าชิดลำตัว
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: เมื่อเริ่มมีอาการปวดหลังร้าวลงขา ควรทำอย่างไรทันที?
A: ลดกิจกรรมที่กระตุ้นให้อาการแย่ลง หลีกเลี่ยงการนั่งนานๆ ประคบร้อนบริเวณที่ปวด 15–20 นาที วันละ 2–3 ครั้ง และเริ่มทำท่ายืดเบาๆ เช่น ท่างอเข่าเข้าหาอก (Knee-to-Chest) หรือท่ายืดกล้ามเนื้อสะโพก (Piriformis stretch) หากมีอาการปวดรุนแรง มีอาการชาหรืออ่อนแรงร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว
Q: การออกกำลังกายช่วยบรรเทาอาการได้จริงหรือไม่?
A: ช่วยได้อย่างมากหากทำถูกวิธีและสม่ำเสมอ การออกกำลังกายที่เหมาะสมจะช่วยลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ เพิ่มความยืดหยุ่น และสร้างความมั่นคงให้กับแกนกลางร่างกาย ซึ่งจะช่วยลดโอกาสที่อาการจะกลับมาเป็นซ้ำในอนาคต
Q: ควรใช้ยาคลายกล้ามเนื้อและยาแก้ปวดนานแค่ไหน?
A: ควรใช้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่าที่จำเป็น และต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เสมอ การใช้ยาควรเป็นไปตามหลัก “ให้ครบ ให้ถูก ให้ถึง” เพื่อตัดวงจรการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยลดผลข้างเคียงจากการใช้ยาให้น้อยที่สุด
Q: การฝังเข็มสามารถช่วยในกรณีที่มีหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทได้หรือไม่?
A: มีงานวิจัยหลายชิ้นที่พบว่าการฝังเข็มสามารถช่วยบรรเทาอาการปวด เพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหว และลดการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีภาวะหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทได้ อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของการกดทับและปัจจัยเฉพาะของแต่ละบุคคล จึงควรได้รับการประเมินโดยแพทย์ก่อนเริ่มการรักษา
Q: อาหารเสริมมีความจำเป็นหรือไม่?
A: ไม่จำเป็นสำหรับทุกคน แต่อาจมีประโยชน์ในบางกรณี เช่น ผู้ที่มีภาวะข้อเสื่อม ผู้ที่ขาดสารอาหารบางชนิด หรือผู้ที่มีกล้ามเนื้อเกร็งตัวเรื้อรัง การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เช่น DrSUN4in1 และใช้อย่างเหมาะสมร่วมกับโปรแกรมการรักษาที่ครบวงจรจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
- อาการปวดหรือชาที่ร้าวลงขาไม่ดีขึ้นหลังจากดูแลตัวเองมา 2–6 สัปดาห์ หรือมีแนวโน้มแย่ลงเรื่อยๆ
- มีอาการชาหรืออ่อนแรงที่ชัดเจนบริเวณขา เท้า หรือไม่สามารถกระดกข้อเท้าขึ้นได้ตามปกติ
- ปวดร้าวรุนแรงจนรบกวนการเดิน การยืน หรือการนอนหลับ
- มีอาการควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้ หรือมีอาการชาบริเวณก้นหรือขาหนีบ (ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์)
- อาการเกิดขึ้นหลังจากประสบอุบัติเหตุล้มหรือได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง
สรุป และก้าวแรกสู่วันที่เคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจ
อาการปวดหลังร้าวลงขาอาจทรมาน แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิต ส่วนใหญ่สามารถจัดการได้โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด หากคุณเริ่มต้นอย่างถูกทางตั้งแต่วันนี้ ด้วยแนวทาง 5 เสาที่ครอบคลุมทั้งการฝังเข็มผสมผสาน การใช้ยาอย่างเหมาะสม อาหารเสริมที่มีหลักฐานรองรับ การปรับพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยง และการออกกำลังกายฟื้นฟูอย่างถูกวิธี ทีมงานที่ The Enlight Clinic โดยหมอซันพร้อมประเมินอาการและวางแผนการรักษาเฉพาะสำหรับคุณ เพื่อให้คุณกลับมาทำงาน เดิน นั่ง นอน และใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง
ปรึกษาเราได้ที่ The Enlight Clinic – คลินิกฝังเข็มเฉพาะทางสำหรับอาการกระดูกทับเส้นประสาท ปวดสะโพกร้าวลงขา ปวดคอบ่าไหล่ กระดูกคอเสื่อม ปวดเข่า และข้อเข่าเสื่อม
- โทร: 065-235-4944, 083-693-9965
- Line Official: @drsun
- Facebook: หมอซัน DrSUN
เริ่มต้นดูแลตัวเองวันนี้ เพื่อชีวิตที่คล่องตัว ปลอดภัย และไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัด





