โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท รักษานานแค่ไหนถึงจะหาย?

โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท รักษานานแค่ไหนถึงจะหาย?

หากคุณกำลังทุกข์ทรมานจากอาการปวดหลัง ร้าวลงขา และสงสัยว่าเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท คำถามที่มักพบบ่อยคือ “รักษานานแค่ไหนถึงจะหาย?” บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยทั้งหมดเกี่ยวกับระยะเวลาการรักษาและทางเลือกในการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณ

ระยะเวลาการรักษาโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

เรื่องที่น่ายินดีคือ ผู้ป่วยโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทประมาณ 85-90% มีโอกาสหายได้เองโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 6-12 สัปดาห์ในการฟื้นตัว ทั้งนี้ระยะเวลาการรักษาจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น:

  • ความรุนแรงของอาการ
  • อายุของผู้ป่วย
  • สภาพร่างกายโดยรวม
  • การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
  • วิธีการรักษาที่เลือกใช้

อาการที่บ่งบอกว่าคุณเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

ผู้ป่วยมักมีอาการสำคัญดังต่อไปนี้:

  1. ปวดหลังส่วนล่างอย่างรุนแรง
  2. มีอาการปวดร้าวลงขาตามแนวเส้นประสาท
  3. มีอาการชาตามขาหรือเท้า
  4. กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง
  5. เคลื่อนไหวลำบาก โดยเฉพาะการงอหลัง
  6. อาการปวดเพิ่มขึ้นเมื่อไอ จาม หรือนั่งนานๆ

สัญญาณอันตรายที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที

แม้ว่าโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทส่วนใหญ่จะสามารถรักษาได้ แต่มีบางอาการที่ถือเป็นสัญญาณอันตราย ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน:

  • มีไข้ร่วมกับอาการปวดหลัง
  • มีอาการชาบริเวณทวารหนัก (saddle anesthesia)
  • อาการแย่ลงอย่างรวดเร็ว
  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ปวดรุนแรงในเวลากลางคืนหรือขณะพัก
  • มีประวัติโรคมะเร็งหรือกระดูกพรุน

แนวทางการรักษาโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

1. การรักษาแบบไม่ผ่าตัด (ระยะเวลา 6-12 สัปดาห์)

การรักษาในระยะแรกมักเริ่มด้วยวิธีอนุรักษ์นิยม ประกอบด้วย:

  • การพักการใช้งานหลังอย่างเหมาะสม
  • การรับประทานยาแก้ปวดและลดการอักเสบ
  • การทำกายภาพบำบัด
  • การออกกำลังกายเพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง
  • การปรับเปลี่ยนท่าทางในชีวิตประจำวัน

2. การรักษาด้วยการฝังเข็ม: ทางเลือกที่ปลอดภัยและได้ผล

การฝังเข็มเป็นศาสตร์การรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้ป่วยโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โดยมีข้อดีดังนี้:

  1. ไม่ต้องผ่าตัด: การฝังเข็มเป็นการรักษาแบบไม่รุกราน ไม่ต้องผ่าตัด ลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน
  2. บรรเทาอาการปวดได้รวดเร็ว: ช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. ฟื้นตัวเร็ว: ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้เร็วกว่าการผ่าตัด
  4. ผลการรักษายั่งยืน: การฝังเข็มไม่เพียงรักษาอาการ แต่ยังช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ

ระยะเวลาในการรักษา การรักษาด้วยการฝังเข็มมีระยะเวลาแตกต่างกันในแต่ละบุคคล โดยทั่วไป:

    • ผู้ป่วยส่วนใหญ่เริ่มรู้สึกดีขึ้นหลังการรักษา 1-3 ครั้งแรก
    • การรักษาอย่างต่อเนื่อง 6-8 สัปดาห์มักให้ผลลัพธ์ที่ดี
    • หลังจากอาการดีขึ้น อาจต้องมารักษาเป็นครั้งคราวเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

ข้อดีของการรักษาด้วยการฝังเข็มเทียบกับการผ่าตัด

  1. ความปลอดภัย: มีความเสี่ยงต่ำกว่าการผ่าตัดมาก
  2. ค่าใช้จ่าย: ประหยัดกว่าการผ่าตัดอย่างมาก
  3. การฟื้นตัว: ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน สามารถทำงานได้ตามปกติ
  4. ผลข้างเคียง: มีผลข้างเคียงน้อยมากเมื่อเทียบกับการผ่าตัด
  5. ความยั่งยืน: ช่วยฟื้นฟูร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ

 

วิธีป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ควรปฏิบัติดังนี้:

  1. รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
  2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเน้นการเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว
  3. ระมัดระวังท่าทางในการยกของหนัก
  4. หลีกเลี่ยงการนั่งนานๆ ควรลุกเดินทุก 1-2 ชั่วโมง
  5. จัดท่าทางการนอนและที่นอนให้เหมาะสม
  6. การทานอาหารเสริม เพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและข้อ

สรุป

โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทสามารถรักษาให้หายได้โดยไม่ต้องผ่าตัด การฝังเข็มเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้ป่วยหายจากอาการปวดและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ  สิ่งสำคัญคือการเริ่มการรักษาตั้งแต่ระยะแรกและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากคุณมีอาการที่สงสัยว่าอาจเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

แต่ถ้ามีอาการปวดหลัง หมอนรองกระดูกทับเส้น มากขึ้นแนะนำให้รักษาที่ต้นเหตุ

ด้วยการมาปรึกษาพบแพทย์โดยด่วนก่อนที่จะต้องผ่าตัด 

ติดต่อขอคำปรึกษา

  • Facebook: หมอซัน DrSUN
  • Line Official: @drsun
  • โทร: 095-519-4424

ทีมแพทย์ของเราพร้อมดูแลผู้ป่วยด้วยความใส่ใจ เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ค่ะ

Share this
Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on linkedin
LinkedIn