คุณเคยรู้สึกปวดจี๊ดจากสะโพกลงไปถึงขาหรือไม่? อาการปวดสะโพกร้าวลงขาเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก แต่คุณรู้หรือไม่ว่ามีปัจจัยเสี่ยงบางอย่างที่อาจทำให้คุณเป็นโรคนี้โดยไม่รู้ตัว? วันนี้ เรามาทำความรู้จักกับ 7 ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้คุณเกิดอาการปวดสะโพกร้าวลงขากันค่ะ
1. การนั่งนานๆ ในท่าเดิม
ในยุคที่หลายคนต้องทำงานออฟฟิศหรือประชุมออนไลน์เป็นเวลานาน การนั่งติดต่อกันหลายชั่วโมงโดยไม่ลุกเปลี่ยนอิริยาบถ อาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดสะโพกร้าวลงขา เนื่องจากกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณสะโพกถูกกดทับเป็นเวลานาน ส่งผลให้เกิดการอักเสบและปวดร้าวลงมาที่ขาได้
วิธีป้องกัน: พยายามลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายทุกๆ 30-60 นาที หรือใช้โต๊ะทำงานแบบยืนสลับกับการนั่งเป็นระยะ
2. น้ำหนักตัวเกิน
หลายคนอาจไม่ทราบว่า การมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดสะโพกร้าวลงขาได้ เนื่องจากน้ำหนักที่มากเกินไปจะสร้างแรงกดทับต่อข้อสะโพกและกระดูกสันหลังส่วนล่าง ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพและอาการปวดได้ง่ายขึ้น
วิธีป้องกัน: ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
3. การสวมรองเท้าที่ไม่เหมาะสม
รองเท้าที่ไม่รองรับเท้าอย่างเหมาะสม เช่น รองเท้าส้นสูง หรือรองเท้าที่ไม่มีแผ่นรองฝ่าเท้าที่ดี อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของลักษณะการเดินและท่าทาง ซึ่งอาจนำไปสู่อาการปวดสะโพกร้าวลงขาได้ในระยะยาว
วิธีป้องกัน: เลือกรองเท้าที่มีการรองรับอุ้งเท้าที่ดี และหลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำ
4. การยกของหนักไม่ถูกวิธี
การยกของหนักโดยไม่ระมัดระวังหรือใช้ท่าทางที่ไม่ถูกต้อง สามารถทำให้เกิดการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อหลังและสะโพก นำไปสู่อาการปวดสะโพกร้าวลงขาได้ โดยเฉพาะหากมีการยกของหนักบ่อยๆ
วิธีป้องกัน: เวลายกของหนัก ควรย่อเข่าและใช้กล้ามเนื้อขาช่วยยก แทนการก้มหลังยกของ และหากเป็นของที่หนักมาก ควรขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น
5. การนอนในท่าที่ไม่เหมาะสม
ท่านอนที่ไม่ถูกต้องสามารถส่งผลต่อการเกิดอาการปวดสะโพกร้าวลงขาได้ โดยเฉพาะการนอนตะแคงโดยไม่มีหมอนรองระหว่างเข่า หรือการนอนหงายโดยไม่มีหมอนรองใต้เข่า
วิธีป้องกัน: หากนอนตะแคง ให้ใช้หมอนขนาดพอดีรองระหว่างเข่า และถ้านอนหงาย ให้วางหมอนบางๆ ใต้เข่าเพื่อช่วยลดแรงกดที่หลังส่วนล่าง
6. ความเครียดและความวิตกกังวล
หลายคนอาจไม่ทราบว่า ความเครียดและความวิตกกังวลสามารถส่งผลต่อร่างกายและทำให้เกิดอาการปวดเรื้อรังได้ รวมถึงอาการปวดสะโพกร้าวลงขา เนื่องจากความเครียดทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัว และอาจส่งผลต่อระบบประสาทที่ควบคุมความรู้สึกปวด
วิธีป้องกัน: ฝึกเทคนิคการผ่อนคลายความเครียด เช่น การทำสมาธิ โยคะ หรือการออกกำลังกายเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ
7. โรคประจำตัวบางชนิด
โรคบางชนิด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคไขมันในเลือดสูง สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดสะโพกร้าวลงขาได้ เนื่องจากโรคเหล่านี้อาจส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดและการทำงานของระบบประสาท
วิธีป้องกัน: ควบคุมโรคประจำตัวให้อยู่ในภาวะที่ดี ด้วยการรับประทานยาตามแพทย์สั่ง ควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
แนวทางการรักษาอาการปวดสะโพกร้าวลงขา
หากคุณกำลังประสบกับอาการปวดสะโพกร้าวลงขา มีแนวทางการรักษาหลายวิธีที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ ดังนี้:
- การรักษาด้วยยา: แพทย์อาจสั่งยาแก้ปวดหรือยาต้านการอักเสบเพื่อบรรเทาอาการปวดและลดกระบวนการอักเสบ
- กายภาพบำบัด: การทำกายภาพบำบัดช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความยืดหยุ่น ซึ่งสามารถลดอาการปวดได้
- การฝังเข็ม: วิธีการรักษาแบบแพทย์แผนจีนที่ช่วยบรรเทาอาการปวดและเพิ่มการไหลเวียนเลือดบริเวณที่มีปัญหา
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: การปรับท่าทางการนั่ง การนอน และการยกของให้ถูกวิธีสามารถช่วยลดอาการปวดได้
- การทานอาหารเสริมบำรุง: เพื่อช่วยสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และบรรเทาอาการปวด
สรุป
อาการปวดสะโพกร้าวลงขาอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ซึ่งบางอย่างคุณอาจไม่เคยคาดคิดมาก่อน การรู้จักปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถป้องกันและลดโอกาสการเกิดอาการได้ อย่างไรก็ตาม หากคุณมีอาการปวดสะโพกร้าวลงขาที่รุนแรงหรือเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง ในการรักษาแบบบูรณาการที่ไม่ต้องผ่าตัด อย่างเช่น การฝังเข็ม การใช้ยา การทานอาหารเสริม และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อลดความเสี่ยง และการออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อแข็งแรง สามารถช่วยให้คุณหายปวดและลดโอกาสการเป็นซ้ำ หากคุณกำลังประสบปัญหาปวดสะโพกร้าวลงขานี้ อย่าลังเลที่จะติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษาและการรักษาที่เหมาะสม การรักษาแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้อาการลุกลามจนต้องผ่าตัด และช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขเร็วขึ้น
แต่ถ้าอาการปวดสะโพกร้าวลงขา ปวดหลัง เป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ แนะนำให้รักษาที่ต้นเหตุ
ด้วยการมาปรึกษาพบแพทย์โดยด่วน ก่อนที่จะต้องผ่าตัด