เมื่อไหร่ควรพบแพทย์? สัญญาณอันตรายของอาการปวดหลังที่ไม่ควรมองข้าม

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์? สัญญาณอันตรายของอาการปวดหลังที่ไม่ควรมองข้าม

อาการปวดหลังเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย แต่บางครั้งอาการปวดหลังอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่าที่คิด ในบทความนี้ เราจะพูดถึงสัญญาณอันตรายของอาการปวดหลังที่คุณไม่ควรมองข้าม และเมื่อไหร่ที่คุณควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

สัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่าคุณควรพบแพทย์โดยด่วน

  1. ปวดหลังร่วมกับมีไข้สูง: หากคุณมีอาการปวดหลังพร้อมกับมีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อในกระดูกสันหลังหรือไขสันหลัง ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์
  2. ปวดหลังร่วมกับกลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้: อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงภาวะ Cauda Equina Syndrome ซึ่งเกิดจากการกดทับเส้นประสาทบริเวณก้นกบอย่างรุนแรง ต้องได้รับการผ่าตัดโดยด่วน
  3. ปวดหลังร่วมกับอาการชาหรืออ่อนแรงที่ขาทั้งสองข้าง: อาจเป็นสัญญาณของการกดทับไขสันหลังอย่างรุนแรง ซึ่งต้องได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด
  4. ปวดหลังอย่างรุนแรงหลังจากได้รับอุบัติเหตุ: อาจมีการบาดเจ็บของกระดูกสันหลังหรืออวัยวะภายใน ควรได้รับการตรวจประเมินโดยแพทย์ทันที
  5. ปวดหลังร่วมกับน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ: อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งหรือการติดเชื้อรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ

อาการปวดหลังที่ควรเฝ้าระวังและปรึกษาแพทย์

  1. ปวดหลังนานกว่า 6 สัปดาห์: หากอาการปวดหลังไม่ดีขึ้นภายใน 6 สัปดาห์ ถือว่าเป็นอาการปวดหลังเรื้อรัง ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
  2. ปวดหลังร่วมกับอาการชาหรืออ่อนแรงที่ขาข้างใดข้างหนึ่ง: อาจเป็นอาการของหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษา
  3. ปวดหลังที่รบกวนการนอนหลับ: หากอาการปวดทำให้คุณนอนไม่หลับหรือตื่นกลางดึกบ่อยๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีบรรเทาอาการ
  4. ปวดหลังที่เป็นมากขึ้นเมื่อไอหรือจาม: อาจเป็นสัญญาณของหมอนรองกระดูกเคลื่อน ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
  5. ปวดหลังที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือกิจวัตรประจำวัน: หากอาการปวดรบกวนชีวิตประจำวันของคุณอย่างมาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีจัดการอาการที่เหมาะสม

 

วิธีป้องกันและบรรเทาอาการปวดหลังเบื้องต้น

  1. รักษาท่าทางที่ถูกต้อง: นั่งและยืนตัวตรง หลีกเลี่ยงการนั่งหลังค่อมเป็นเวลานาน
  2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: เน้นการบริหารกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวและหลัง เช่น โยคะ พิลาทิส หรือการว่ายน้ำ
  3. ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ: ทำการยืดเหยียดกล้ามเนื้อหลังและขาเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังจากนั่งนานๆ
  4. ใช้เทคนิคยกของที่ถูกต้อง: ย่อเข่าและใช้กล้ามเนื้อขาในการยกของแทนการใช้หลัง
  5. จัดที่นอนและหมอนให้เหมาะสม: เลือกที่นอนที่ให้การรองรับหลังอย่างเหมาะสม และใช้หมอนที่ช่วยรักษาแนวกระดูกคอให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง
  6. ควบคุมน้ำหนัก: รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติเพื่อลดแรงกดทับที่กระดูกสันหลัง
  7. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่ทำให้เลือดไปเลี้ยงกระดูกสันหลังได้น้อยลง ส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดหลังมากขึ้น
  8. ทานอาหารเสริมเพื่อบำรุงกระดูกและข้อ: การเสริมสารอาหารที่จำเป็นต่อสุขภาพกระดูกและข้อสามารถช่วยป้องกันและบรรเทาอาการปวดหลังได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีประวัติปัญหากระดูกและข้อ

ยกตัวอย่างเช่น อาหารเสริม DrSUN4in1 สามารถช่วยป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของอาการปวดหลังและข้อเข่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาเรื่องหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทและข้อเข่าเสื่อม อย่างไรก็ตาม การใช้อาหารเสริมควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยสำหรับสุขภาพของคุณ

สรุป

อาการปวดหลังส่วนใหญ่สามารถบรรเทาได้ด้วยการดูแลตัวเองเบื้องต้น การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และการรับประทานอาหารเสริมที่มีสารอาหารจำเป็นต่อสุขภาพกระดูกและข้อ แต่หากคุณพบสัญญาณอันตรายดังที่กล่าวมา ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุด การใส่ใจสุขภาพและไม่ละเลยอาการผิดปกติเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงในอนาคต

หากคุณมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับอาการปวดหลังของคุณ อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ รวมถึงการพิจารณาใช้อาหารเสริมที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนการรักษาและป้องกันอาการปวดหลังในระยะยาว

แต่ถ้าอาการปวดหลัง เป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ แนะนำให้รักษาที่ต้นเหตุ

ด้วยการมาปรึกษาพบแพทย์โดยด่วน ก่อนที่จะต้องผ่าตัด 

Share this
Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on linkedin
LinkedIn