5 คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับอาการปวดแสบร้อนที่คุณอยากรู้

5 คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับอาการปวดแสบร้อนที่คุณอยากรู้

คุณเคยรู้สึกเหมือนมีไฟลุกอยู่ในร่างกายไหม? หรือมีความรู้สึกแสบร้อนที่ทำให้คุณทรมานจนแทบทนไม่ไหว? หากคุณกำลังประสบกับอาการปวดแสบร้อน บทความนี้มีคำตอบที่คุณกำลังมองหา! เรามาไขข้อข้องใจกับ 5 คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับอาการปวดแสบร้อนกันเลยค่ะ

  1. อาการปวดแสบร้อนคืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร?

อาการปวดแสบร้อนเป็นความรู้สึกเจ็บปวดชนิดหนึ่งที่ผู้ป่วยมักบรรยายว่าเหมือนถูกไฟลวกหรือน้ำร้อนลวก ซึ่งมักเกิดจากการอักเสบหรือการบาดเจ็บของเส้นประสาท โดยสาเหตุหลักๆ ได้แก่:

  • การบาดเจ็บของเส้นประสาท เช่น จากหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
  • โรคเบาหวาน ที่ทำให้เกิดภาวะปลายประสาทเสื่อม
  • โรคออโตอิมมูน เช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis)

อาการเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อเส้นประสาทส่งสัญญาณผิดปกติไปยังสมอง ทำให้รู้สึกปวดแสบร้อนแม้ไม่มีสิ่งกระตุ้นจากภายนอก

  1. อาการปวดแสบร้อนมักเกิดขึ้นที่บริเวณใดของร่างกาย?

อาการปวดแสบร้อนสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย แต่บริเวณที่พบบ่อยได้แก่:

  1. หลังส่วนล่าง: มักเกิดจากหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือโรคกระดูกสันหลังเสื่อม
  2. ขาและเท้า: พบได้บ่อยในผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะปลายประสาทเสื่อม
  3. คอและไหล่: อาจเกิดจากการอักเสบของเส้นประสาทบริเวณคอ
  4. แขนและมือ: มักพบในผู้ที่มีอาการกระดูกคอเสื่อมหรือหมอนรองกระดูกคอกดทับเส้นประสาท

 

  1. มีวิธีบรรเทาอาการปวดแสบร้อนด้วยตัวเองอย่างไรบ้าง?

แม้ว่าการรักษาที่ถูกต้องจะต้องปรึกษาแพทย์ แต่คุณสามารถบรรเทาอาการเบื้องต้นได้ด้วยวิธีต่อไปนี้:

  1. ประคบเย็น: ช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดแสบร้อนได้
  2. ทายาหรือครีมบรรเทาปวด: เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของ capsaicin หรือ lidocaine
  3. ฝึกการหายใจและทำสมาธิ: ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและลดความเครียด
  4. ออกกำลังกายเบาๆ: เช่น การเดิน หรือการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
  5. หลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนนานๆ: พยายามเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ

อย่างไรก็ตาม หากอาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงมากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด

  1. การรักษาอาการปวดแสบร้อนทางการแพทย์มีวิธีใดบ้าง?

การรักษาทางการแพทย์จะขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการ แต่วิธีที่นิยมใช้ได้แก่:

  1. การทานยา: ตามหลัก “ให้ครบ ให้ถูก ให้ถึง”
    • ครบ: ต้องกินยาให้ครบสูตร ทั้งยาแก้ปวด ยาลดการอักเสบ และยาบำรุงเส้นประสาท
    • ถูก: ต้องกินยาให้ถูกกับโรค และถูกกับสภาพร่างกายของคุณ
    • ถึง: ต้องกินในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากไป ไม่น้อยไป
  2. การฝังเข็ม: เพื่อลดอาการปวดอย่างตรงจุด หายเร็วไม่ต้องผ่าตัด ตามหลักการขององค์การอนามัยโลก รับรองว่า ช่วยลดปวดได้จริงไม่ต้องผ่าตัด ที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดการอักเสบ และฟื้นฟูเส้นประสาทที่เสื่อมสภาพ
  3. ออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อแข็งแรง:
    • ท่าบริหารง่ายๆ ที่ทำได้ที่บ้าน ใช้เวลาแค่วันละ 10-15 นาที
    • ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด กระตุ้นการทำงานของเส้นประสาท และเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ทำแล้วจะรู้สึกสบายตัวขึ้น
  4.  ลดความเสี่ยง: ต้องกำจัดตัวกระตุ้นที่ทำให้อาการกำเริบ
    • หลีกเลี่ยงการยืนหรือเดินนานๆ
    • สวมรองเท้าที่นุ่มสบาย รองรับอุ้งเท้าได้ดี
    • ลดอาหารหวาน มัน เค็มจัด
    • งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์
  5. การทานอาหารเสริม: ช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกและข้อ ที่ประกอบไปด้วย
    •มีส่วนผสมของ UC-II คอลลาเจน, โปรตีโอไกลแคน, กลูโคซามีน และแมกนีเซียม
    •ช่วยฟื้นฟูเส้นประสาท ลดการอักเสบ และป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำได้อย่างดีเยี่ยม

ที่คลินิกของเราเป็นผู้เชี่ยวชาญในการรักษาอาการปวด โดยเฉพาะการฝังเข็มร่วมกับการใช้ยาแผนปัจจุบัน ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยหายปวดได้เร็วและยั่งยืน โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดในหลายกรณี

  1. เมื่อไหร่ควรพบแพทย์เกี่ยวกับอาการปวดแสบร้อน?

คุณควรพบแพทย์ทันทีหากพบอาการดังต่อไปนี้:

  • อาการปวดแสบร้อนรุนแรงขึ้นหรือไม่ดีขึ้นแม้ใช้วิธีบรรเทาอาการด้วยตนเอง
  • มีอาการชาร่วมด้วย โดยเฉพาะที่แขนหรือขา
  • มีไข้สูงร่วมกับอาการปวดแสบร้อน
  • มีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ
  • มีปัญหาในการควบคุมการขับถ่าย

อย่าปล่อยให้อาการปวดแสบร้อนทำร้ายคุณภาพชีวิตของคุณ! การพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้อาการลุกลามและช่วยให้คุณกลับมามีชีวิตที่มีความสุขได้เร็วขึ้น

ที่คลินิกของเรา เรามีความเชี่ยวชาญในการรักษาอาการปวดแสบร้อนจากสาเหตุต่างๆ โดยเฉพาะที่เกิดจากปัญหากระดูกและข้อ ด้วยวิธีการรักษาแบบองค์รวมที่ไม่ต้องผ่าตัด คุณหมอพร้อมดูแลคุณด้วยความใส่ใจ เพื่อให้คุณกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกครั้ง

หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมหรือต้องการปรึกษาเกี่ยวกับอาการปวดแสบร้อน เรายินดีให้คำปรึกษาและช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่ค่ะ

ถ้าอาการปวดแสบร้อน เป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ แนะนำให้รักษาที่ต้นเหตุ

ด้วยการมาปรึกษาพบแพทย์โดยด่วนก่อนที่จะต้องผ่าตัด 

Share this
Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on linkedin
LinkedIn