อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ที่มีภาวะกระดูกทับเส้นประสาท

าหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ที่มีภาวะกระดูกทับเส้นประสาท

คุณกำลังทุกข์ทรมานจากอาการกระดูกทับเส้นประสาทอยู่หรือไม่? หากใช่ คุณไม่ได้เผชิญกับปัญหานี้เพียงลำพัง ภาวะกระดูกทับเส้นประสาทเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าอาหารที่คุณรับประทานอาจส่งผลต่ออาการของคุณได้? ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงอาหารที่คนเป็นกระดูกทับเส้นควรหลีกเลี่ยง เพื่อช่วยบรรเทาอาการและเพิ่มคุณภาพชีวิตของคุณ

ทำไมอาหารจึงสำคัญสำหรับผู้ป่วยกระดูกทับเส้น?

อาหารที่เรารับประทานมีผลโดยตรงต่อการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการปวดในผู้ป่วยกระดูกทับเส้น นอกจากนี้ อาหารบางชนิดยังอาจทำให้เกิดการสะสมของของเสียในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้อาการแย่ลงได้ ดังนั้น การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมจึงเป็นส่วนสำคัญในการจัดการอาการของโรคนี้

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ป่วยกระดูกทับเส้น

  1. อาหารแปรรูป

    : อาหารจำพวกไส้กรอก แฮม เบคอน และอาหารแช่แข็งสำเร็จรูปมักมีส่วนผสมของสารกันบูดและโซเดียมสูง ซึ่งอาจก่อให้เกิดการอักเสบในร่างกายได้ โดยเฉพาะบริเวณที่มีการกดทับเส้นประสาทอยู่แล้ว แล้วจะทำยังไงดีล่ะ? ง่ายมาก ๆ ลองทำตามนี้:

    ** เลือกเนื้อสัตว์สดแทน เช่น อกไก่ ปลา
    ** ปรุงอาหารเองโดยใช้เครื่องเทศธรรมชาติแทนผงปรุงรส
    ** อ่านฉลากอาหารทุกครั้ง หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีโซเดียมสูง
  2. น้ำตาลและอาหารรสหวาน

    : น้ำตาลเป็นสาเหตุหลักของการอักเสบในร่างกาย หลายคนชอบดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำหวานเพื่อดับกระหาย แต่รู้มั้ยว่า เครื่องดื่มเหล่านี้มีน้ำตาลสูงมาก ซึ่งกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน ส่งผลให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย รวมถึงบริเวณที่มีการกดทับเส้นประสาท ควรหลีกเลี่ยงขนมหวาน น้ำอัดลม และอาหารที่มีน้ำตาลสูง

    แล้วจะทำยังไงดี? ง่ายมาก ๆ ลองทำตามนี้:
    ** ดื่มน้ำเปล่าเป็นหลัก อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
    ** ชงชาสมุนไพรเย็น เช่น ชาเขียว ชาขิง โดยไม่เติมน้ำตาล
    ** หากอยากดื่มน้ำผลไม้ ให้คั้นเองและไม่เติมน้ำตาล
  3. ขนมหวาน เบเกอรี่

    : เวลาเครียด หลายคนชอบกินขนมหวานเพื่อคลายเครียด แต่รู้ไหมว่า อาหารประเภทนี้มักทำจากแป้งขัดขาวและน้ำตาลสูง ซึ่งร่างกายย่อยสลายเร็ว ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว กระตุ้นการอักเสบ แล้วจะกินอะไรแทนดีล่ะ? ง่ายมาก ๆ ลองทำตามนี้:

    ** เลือกผลไม้สดตามฤดูกาลแทนขนมหวาน
    ** ทานธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท
    ** หากอยากทานของหวาน ให้เลือกเบเกอรี่ที่ทำจากแป้งไม่ขัดสีและใช้น้ำตาลน้อย

    อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ที่มีภาวะกระดูกทับเส้นประสาท

  4. เนื้อแดง

    : เนื้อวัว เนื้อแกะ และเนื้อหมู หลายคนชอบทานเนื้อแดง แต่รู้มั้ยครับว่า เนื้อแดงมีไขมันอิ่มตัวสูง ซึ่งกระตุ้นการอักเสบในร่างกาย นอกจากนี้ยังย่อยยากทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนัก ส่งผลให้ร่างกายอ่อนล้า ควรเลือกรับประทานเนื้อปลาหรือเนื้อสัตว์ปีกแทน แล้วจะทานอะไรแทนดี? ลองแบบนี้ครับ:

    ** เลือกโปรตีนจากปลา โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึกที่มีโอเมก้า 3 สูง
    ** ทานเนื้อไก่ไม่ติดหนัง หรือไข่

    ** หากต้องการทานเนื้อแดง ให้เลือกส่วนที่ไม่ติดมันและทานในปริมาณน้อย

  5. อาหารทอด มันฝรั่งทอด

    : อาหารทอดมักมีไขมันอิ่มตัวสูง น้ำมันที่ใช้ทอดซ้ำๆ จะกลายเป็นไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ส่งผลให้อาการปวดจากกระดูกทับเส้นรุนแรงขึ้น ควรเลือกวิธีการปรุงอาหารแบบอื่น เช่น การนึ่ง การอบ หรือการย่าง แล้วจะทำยังไงดี? ลองเปลี่ยนวิธีการปรุงอาหารนิดหน่อย:

    ** เลือกวิธีนึ่ง อบ ย่าง แทนการทอด
    ** หากจำเป็นต้องใช้น้ำมัน ให้ใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันรำข้าวในปริมาณน้อย
    ** ทานผักต้มหรือสลัดแทนมันฝรั่งทอด
  6. แอลกอฮอล์

    : หลายคนชอบดื่มเพื่อคลายเครียด แต่รู้มั้ยว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้อาการปวดรุนแรงขึ้น ทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร และส่งผลต่อการอักเสบทั่วร่างกาย นอกจากนี้ยังรบกวนการนอนหลับซึ่งสำคัญมากสำหรับการฟื้นฟูร่างกาย แล้วจะทำยังไงดี? ลองทำแบบนี้ครับ:

    ** งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด
    ** ดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำสมุนไพรแทน
    ** หากอยู่ในสังคมที่มีการดื่ม ให้เลือกน้ำผลไม้หรือโซดาแทน

    อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ที่มีภาวะกระดูกทับเส้นประสาท

  7. คาเฟอีน

    : แม้ว่าคาเฟอีนอาจช่วยบรรเทาอาการปวดได้ในระยะสั้น แต่การบริโภคมากเกินไปอาจทำให้นอนหลับยากและเพิ่มความเครียด ซึ่งอาจทำให้อาการแย่ลงได้

    แล้วจะทำยังไงดี ถ้าเลิกไม่ได้? ไม่ต้องหักดิบนะครับ ลองทำแบบนี้:
    ** ลดปริมาณการดื่มกาแฟลงทีละน้อย
    ** เปลี่ยนเป็นชาสมุนไพรที่ไม่มีคาเฟอีน เช่น ชาขิง ชาตะไคร้
    ** หากยังต้องการดื่มกาแฟ ให้ดื่มไม่เกินวันละ 1 แก้ว และงดดื่มหลังเวลา 14.00 น.
  8. อาหารรสจัด เผ็ดจัด เค็มจัด

    : หลายคนชอบอาหารรสจัด แต่รู้มั้ยครับว่า อาหารรสจัดทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนัก อาจเกิดการระคายเคืองและนำไปสู่การอักเสบได้ โดยเฉพาะอาหารเค็มจัดที่มีโซเดียมสูง อาหารที่มีโซเดียมสูงอาจทำให้เกิดการกักเก็บน้ำในร่างกาย ซึ่งอาจเพิ่มแรงกดทับบนเส้นประสาท แล้วจะทำยังไงดี? ลองปรับแบบนี้ครับ:

    ** ปรุงรสอาหารให้พอดี ไม่จัดจ้านเกินไป
    ** ใช้เครื่องเทศและสมุนไพรแทนเกลือหรือน้ำปลา
    ** หากชอบอาหารเผ็ด ให้เลือกพริกสดแทนพริกแห้งหรือซอสพริก

 

แล้วควรรับประทานอะไรแทน?

แทนที่จะรับประทานอาหารที่อาจทำให้อาการแย่ลง ลองหันมารับประทานอาหารที่ช่วยลดการอักเสบ เช่น:

  • ผักใบเขียว เช่น ผักคะน้า ผักโขม บร็อคโคลี
  • ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น บลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่
  • ปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 สูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน
  • ถั่วและเมล็ดพืช เช่น อัลมอนด์ วอลนัท เมล็ดฟักทอง
  • น้ำมันมะกอก
  • ขมิ้น ขิง และเครื่องเทศอื่นๆ ที่มีสรรพคุณต้านการอักเสบ

สรุป

การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมเป็นส่วนสำคัญในการจัดการอาการกระดูกทับเส้นประสาท โดยการหลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดการอักเสบและเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ คุณสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดและเพิ่มคุณภาพชีวิตของคุณได้ อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนอาหารเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ การปรับเปลี่ยนอาหารเหล่านี้ร่วมกับการรักษาที่ถูกต้อง เช่น การทานยา ให้ครบถูกถึง การฝังเข็ม จะช่วยลดกระบวนการการอักเสบในร่างกาย ทำให้อาการปวดจากกระดูกทับเส้นบรรเทาลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการบริหารร่างกายที่ถูกวิธี ก็สามารถหายจากอาการปวดได้โดยไม่ต้องผ่าตัด

และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารนอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมฟื้นฟูตัวเองได้ดียิ่งขึ้น แต่ต้องอดทนและตั้งใจปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หมอเชื่อว่าไม่นานคุณจะกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขอีกครั้งแน่นอน ถ้าคุณกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกทับเส้น? อย่าปล่อยให้ความเจ็บปวดมาขัดขวางการใช้ชีวิตของคุณ ติดต่อเราวันนี้ เพื่อรับการปรึกษาและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

แต่ถ้าอาการปวดหลัง กระดูกทับเส้น หมอนรองกระดูกกับเส้นประสาท เป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ แนะนำให้รักษาที่ต้นเหตุ

ด้วยการมาปรึกษาพบแพทย์โดยด่วน ก่อนที่จะต้องผ่าตัด

Share this
Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on linkedin
LinkedIn