
ปวดกระดูกต้นคอ…สัญญาณเสี่ยง “กระดูกคอเสื่อม”
อาการปวดกระดูกต้นคอเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน โดยเฉพาะในยุคที่เราใช้เวลาหมกมุ่นกับสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่า อาการปวดต้นคอที่เรื้อรังอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรค “กระดูกคอเสื่อม” ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่รับการรักษาที่เหมาะสม อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงได้ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ การวินิจฉัย และการรักษาภาวะกระดูกคอเสื่อม เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพกระดูกคอได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม กระดูกคอเสื่อมคืออะไร? กระดูกคอเสื่อม หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า Cervical Spondylosis เป็นภาวะที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของกระดูกและหมอนรองกระดูกคอตามอายุที่เพิ่มขึ้น โดยปกติแล้ว กระดูกสันหลังส่วนคอประกอบด้วยกระดูก 7 ข้อ เรียงต่อกันจาก C1 ถึง C7 ระหว่างกระดูกแต่ละข้อจะมีหมอนรองกระดูกทำหน้าที่รองรับแรงกระแทกและช่วยให้กระดูกคอเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว เมื่อเข้าสู่วัยกลางคนหรือวัยสูงอายุ หมอนรองกระดูกเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่นและน้ำที่อยู่ภายใน ทำให้หมอนรองกระดูกแบนและแข็งลง ขณะเดียวกัน กระดูกคอก็เริ่มงอกปุ่มกระดูกเพื่อเพิ่มความแข็งแรง สิ่งเหล่านี้เป็นกระบวนการเสื่อมตามธรรมชาติ แต่ในบางคน กระบวนการเสื่อมนี้อาจเกิดเร็วกว่าปกติและรุนแรงจนก่อให้เกิดอาการปวดและจำกัดการเคลื่อนไหว หรือในกรณีที่รุนแรง ปุ่มกระดูกที่งอกหรือหมอนรองกระดูกที่เคลื่อนออกมาอาจไปกดทับเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการชา อ่อนแรง หรือความผิดปกติทางระบบประสาทได้ สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของกระดูกคอเสื่อม กระดูกคอเสื่อมมักเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่: 1. อายุที่เพิ่มขึ้น อายุเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของกระดูกคอเสื่อม พบว่าประมาณ 90% ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี มีภาพเอ็กซเรย์ที่แสดงให้เห็นถึงการเสื่อมของกระดูกคอในระดับหนึ่ง แม้ว่าอาจจะยังไม่แสดงอาการก็ตาม 2. การใช้งานที่ผิดท่าและการบาดเจ็บ