บทความ

ปวดคอท้ายทอย อาการเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

ปวดคอท้ายทอย อาการเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

คุณเคยรู้สึกปวดคอจนต้องนั่งนวดท้ายทอยตัวเองบ่อยๆ หรือไม่? หลายคนอาจกำลังทนทุกข์กับอาการปวดคอท้ายทอยที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน จนบางครั้งคิดว่าต้องผ่าตัดถึงจะหาย แต่จริงๆ แล้ว มีวิธีแก้ไขง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้เองที่บ้าน ทำความเข้าใจอาการปวดคอท้ายทอย อาการปวดคอท้ายทอยเป็นปัญหาที่พบบ่อยในคนวัยทำงาน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน สาเหตุหลักมาจากท่าทางการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้เกิดการเกร็งของกล้ามเนื้อ หรือในบางรายอาจเกิดจากหมอนรองกระดูกคอเสื่อม 5 วิธีบรรเทาอาการปวดคอท้ายทอยได้ด้วยตัวเอง 1. ปรับท่าทางการนั่งทำงานให้ถูกต้อง การนั่งทำงานในท่าที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ควรจัดความสูงของจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา เพื่อไม่ให้ต้องก้มหรือเงยคอมากเกินไป และควรนั่งให้หลังตรง ไหล่ผ่อนคลาย 2. บริหารคอและไหล่เป็นประจำ ทุกๆ 2 ชั่วโมงควรหยุดพักเพื่อยืดเส้นยืดสาย ทำท่าบริหารคอง่ายๆ เช่น หมุนคอเบาๆ ก้มเงยคอช้าๆ และยืดกล้ามเนื้อบริเวณคอและไหล่ 3. ประคบร้อน-เย็นสลับกัน ประคบร้อน 15-20 นาที เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งตัว ประคบเย็น 10-15 นาที เพื่อลดการอักเสบ ทำสลับกันวันละ 2-3 ครั้ง 4. นวดคลายกล้ามเนื้อแบบนุ่มนวล ใช้นิ้วมือนวดบริเวณที่ปวดเบาๆ โดยเฉพาะบริเวณท้ายทอยและบ่า ไม่ต้องออกแรงกดมากเกินไป เพราะอาจทำให้อาการปวดกำเริบได้ 5. ฝังเข็ม รักษาอาการปวด

Read More »
ปวดเข่าบอกโรคอะไรได้บ้าง? สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

ปวดเข่าบอกโรคอะไรได้บ้าง? สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

หลายคนมักจะละเลยอาการปวดเข่า คิดว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดจากการใช้งานมากเกินไป แต่คุณรู้หรือไม่ว่า อาการปวดเข่าอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงที่ต้องได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี มาทำความรู้จักกับสาเหตุของอาการปวดเข่าที่พบบ่อยกัน โรคข้อเข่าเสื่อม: สาเหตุหลักของอาการปวดเข่าในผู้สูงวัย โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรือต้องใช้งานข้อเข่ามาก อาการสำคัญที่พบได้แก่: ปวดเข่าเวลาเคลื่อนไหว ข้อฝืดตึงในตอนเช้า เข่ามีเสียงดังกรอบแกรบ อาการปวดมักแย่ลงเมื่อใช้งานมาก เอ็นหลังเข่าอักเสบ: ความเจ็บปวดที่มาพร้อมการเคลื่อนไหว เอ็นหลังเข่าอักเสบมักเกิดจากการบาดเจ็บหรือใช้งานมากเกินไป ซึ่งพบได้บ่อยในนักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกายหนัก อาการที่พบ: ปวดบริเวณด้านหลังเข่า อาการแย่ลงเมื่อเดินขึ้นลงบันได บางครั้งอาจมีอาการบวมร่วมด้วย สัญญาณที่ควรพบแพทย์ หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: ปวดเข่ารุนแรงจนรบกวนการนอน ข้อเข่าบวมผิดปกติ งอเข่าไม่ได้ มีอาการปวดต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์ ทางเลือกในการรักษา การรักษาอาการปวดเข่ามีหลายวิธี แต่ที่น่าสนใจคือการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด เช่น การฝังเข็ม ซึ่งในผู้ป่วยจำนวนมาก จากประสบการณ์การรักษาผู้ป่วยกว่า 16,000 ราย พบว่าการรักษาแบบองค์รวมที่ผสมผสานทั้งการฝังเข็ม การใช้ยาแผนปัจจุบัน และการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม สามารถช่วยให้ผู้ป่วยหายจากอาการปวดได้โดยไม่ต้องผ่าตัด “คุณแม่ของผมเองก็เคยมีปัญหาเรื่องข้อเข่าเสื่อม เดินลำบาก ขาโก่ง ใช้ชีวิตยากลำบากมาก แพทย์แนะนำให้ผ่าตัด แต่หลังจากได้รับการรักษาด้วยการฝังเข็มร่วมกับการทานอาหารเสริมที่เหมาะสม อาการดีขึ้นมาก สามารถไปเที่ยว

Read More »
สลักเพชรจม รักษาได้...ไม่ต้องผ่าตัด

“สลักเพชรจม” รักษาได้…ไม่ต้องผ่าตัด

  “คุณหมอคะ หนูทนไม่ไหวแล้ว ปวดจนนอนไม่หลับทุกคืน” คำบอกเล่าจากคุณอรวรรณ คนไข้ที่มีอาการสลักเพชรจม ปวดสะโพกร้าวลงขา การเดินแต่ละก้าวเป็นเรื่องยากลำบาก แม้แต่การลุกนั่งในแต่ละวันก็แทบทำไม่ได้ สลักเพชรจมคืออะไร? ทำไมถึงปวดทรมานนัก สลักเพชรจม เป็นภาวะที่มีการกดทับเส้นประสาทบริเวณสะโพก ทำให้เกิดอาการปวดร้าวลงขา บางครั้งมาพร้อมอาการชา และรู้สึกเหมือนไฟช็อต การเดินหรือทำกิจกรรมต่างๆ เป็นเรื่องยากลำบาก ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก สาเหตุและอาการของสลักเพชรจม อาการที่พบบ่อยในผู้ป่วยสลักเพชรจม: ปวดบริเวณสะโพกร้าวลงขา มีอาการชาร่วมด้วย เดินลำบาก ปวดมากขึ้นเมื่อนั่งนานๆ นอนไม่หลับเพราะอาการปวด มีภาวะเครียดและวิตกกังวลร่วมด้วย แนวทางการรักษาสลักเพชรแบบไม่ต้องผ่าตัด การรักษาสลักเพชรจมสามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยการรักษาแบบบูรณาการ 5 เสาหลัก: การฝังเข็ม: โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ช่วยบรรเทาอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ยาแผนปัจจุบัน: ตามหลักการ “ให้ครบ ให้ถูก ให้ถึง” เพื่อลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวด การใช้อาหารเสริม: เช่น DrSUN4in1 ที่มีส่วนประกอบสำคัญช่วยฟื้นฟูกระดูกและข้อ การลดความเสี่ยง: ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่อาจทำให้อาการแย่ลง การบริหารร่างกาย: เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ผลการรักษาที่น่าประทับใจ “หลังจากรักษาไม่กี่ครั้ง อาการของดิฉันดีขึ้นมาก เดินได้คล่องแคล่วขึ้น ไม่ปวดเหมือนแต่ก่อน” คุณอรวรรณเล่าด้วยรอยยิ้ม หลังจากได้รับการรักษาด้วยวิธีการแบบบูรณาการ

Read More »
อาการปวดหลังบอกโรคอะไรได้บ้าง? สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

อาการปวดหลังบอกโรคอะไรได้บ้าง? สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

หลายคนมักคิดว่าอาการปวดหลังเป็นเรื่องปกติที่เกิดจากการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวัน แต่รู้หรือไม่ว่า อาการปวดหลังอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงที่ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด สาเหตุของอาการปวดหลังที่พบบ่อย หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท อาการปวดหลังร้าวลงขาเป็นหนึ่งในอาการที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากหมอนรองกระดูกเสื่อมหรือปลิ้นไปกดทับเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวดร้าวลงขา ชา หรือรู้สึกเหมือนไฟช็อต โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ ผู้ป่วยมักมีอาการปวดหลังเวลาเดินไกลๆ หรือยืนนาน ต้องหยุดพักเป็นระยะ อาการจะดีขึ้นเมื่อนั่งพัก กระดูกสันหลังเสื่อม พบบ่อยในผู้สูงอายุ มีอาการปวดเมื่อยบริเวณหลัง โดยเฉพาะตอนเช้าหลังตื่นนอน หรือหลังอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานๆ สัญญาณอันตรายที่ควรพบแพทย์ด่วน ปวดหลังร่วมกับมีไข้สูง ปวดรุนแรงหลังได้รับอุบัติเหตุ มีอาการชาร่วมด้วย กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้ น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ กรณีศึกษา: การรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด คุณบูรณ์ (นามสมมติ) ผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังเรื้อรังมานานกว่า 10 ปี เคยรักษามาหลายที่แต่อาการไม่ดีขึ้น ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท แพทย์หลายท่านแนะนำให้ผ่าตัด “ผมทรมานมากครับ แค่จะลุกนั่งยังทำไม่ได้ ต้องกินยาแก้ปวดตลอด กลัวว่าถ้าผ่าตัดแล้วจะไม่หาย” คุณบูรณ์เล่า หลังจากได้รับการรักษาด้วยการฝังเข็มโดยคุณหมอซัน ร่วมกับการใช้ยาแบบครบวงจรตามหลัก “ให้ครบ ให้ถูก ให้ถึง” อาการปวดดีขึ้นอย่างชัดเจน สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยไม่ต้องผ่าตัด แนวทางการรักษาที่เหมาะสม การรักษาอาการปวดหลังที่มีประสิทธิภาพต้องเริ่มจากการวินิจฉัยที่แม่นยำ และเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสาเหตุ โดยปัจจุบันมีทางเลือกในการรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด เช่น: การฝังเข็ม การรักษาด้วยยาที่ตรงจุด

Read More »
3 เคล็ดลับหายปวด กระดูกคอเสื่อม ปวดคอบ่าไหล่

3 เคล็ดลับหายปวด กระดูกคอเสื่อม ปวดคอบ่าไหล่

  ทำความเข้าใจปัญหากระดูกคอเสื่อมและอาการปวดคอบ่าไหล่ กระดูกคอเสื่อมและอาการปวดคอบ่าไหล่เป็นปัญหาที่พบบ่อยในคนวัยทำงาน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องนั่งประชุมเป็นเวลานาน หรือมีภาระงานที่ต้องใช้คอและไหล่เป็นประจำ หลายคนเลือกวิธีการผ่าตัดเพราะคิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่ความจริงแล้ว การผ่าตัดอาจไม่ใช่คำตอบเสมอไป มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ผ่าตัดแล้วแต่อาการกลับแย่ลง หรือต้องกลับมาผ่าตัดซ้ำ 3 เคล็ดลับหายปวดโดยไม่ต้องผ่าตัด 1. การรักษาด้วยการฝังเข็ม การฝังเข็ม โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการรักษาอาการปวดหลัง โดยเฉพาะในกรณีที่มีอาการปวดเรื้อรัง หรือเคยรักษาด้วยวิธีอื่นๆ แล้วอาการไม่ดีขึ้น 2. การใช้ยาอย่างถูกวิธีตามหลัก “ครบ ถูก ถึง” การรักษาด้วยยาที่ถูกต้องมีความสำคัญไม่แพ้การฝังเข็ม แต่ต้องใช้ตามหลัก “ครบ ถูก ถึง” นั่นคือ: ครบ: ได้รับยาที่จำเป็นครบถ้วน ถูก: ใช้ยาถูกขนาดและถูกวิธี ถึง: รักษาให้ถึงที่สุดจนอาการดีขึ้น หลายคนกังวลเรื่องผลข้างเคียงของยา แต่หากได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การใช้ยาจะปลอดภัยและช่วยบรรเทาอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3. การดูแลแบบองค์รวมเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ นอกจากการรักษาแล้ว การป้องกันไม่ให้อาการกลับมาเป็นซ้ำมีความสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งประกอบด้วย: การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต การรับประทานอาหารเสริมที่เหมาะสม การออกกำลังกายที่ถูกวิธี การติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง   จากประสบการณ์การรักษาผู้ป่วยมากกว่า 16,000 ราย พบว่าการรักษาด้วยแนวทางที่กล่าวมาข้างต้น โดยไม่ต้องผ่าตัดสามารถช่วยให้ผู้ป่วยหายจากอาการปวดได้อย่างยั่งยืน

Read More »
แก้อาการปวดหลังเบื้องต้น ที่คุณเองก็ทำได้

แก้อาการปวดหลังเบื้องต้น ที่คุณเองก็ทำได้

อาการปวดหลังถือเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยที่สุดในปัจจุบัน โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป ทั้งการนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในท่าทางที่ไม่เหมาะสม หรือการขาดการเคลื่อนไหวร่างกายที่เพียงพอ จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่า ร้อยละ 80 ของประชากรทั่วโลกมีโอกาสประสบกับอาการปวดหลังอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต และมีแนวโน้มที่จะพัฒนาเป็นอาการปวดเรื้อรังหากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี บทความนี้จะนำเสนอวิธีการบรรเทาอาการปวดหลังเบื้องต้นที่สามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง 5 วิธีบรรเทาอาการปวดหลังด้วยตัวเอง ##1. ประคบร้อน-เย็น แก้ปวดหลังได้ผลดี ประคบเย็น: เหมาะสำหรับอาการปวดหลังที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่เกิน 48 ชั่วโมง ช่วยลดการอักเสบและบวม ประคบร้อน: เหมาะกับอาการปวดหลังเรื้อรัง ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น กล้ามเนื้อคลายตัว ##2. นอนยืดหลังบนพื้นราบ การนอนราบบนพื้นแข็งๆ แล้วยืดกล้ามเนื้อหลังเบาๆ จะช่วยจัดกระดูกสันหลังให้เข้าที่ บรรเทาอาการปวดหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 10 วินาที ##3. โยคะบิดเอวคลายปวด ท่าโยคะง่ายๆ อย่างการนั่งไขว้ขาบิดเอว ช่วยยืดกล้ามเนื้อหลังและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กระดูกสันหลัง ทำให้อาการปวดหลังทุเลาลงได้ ##4. นวดคลายกล้ามเนื้อ การนวดด้วยตัวเองสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้ โดยใช้กำปั้นกดเบาๆ บริเวณที่ปวด พร้อมกับหายใจเข้าออกลึกๆ จะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ##5. ควบคุมน้ำหนักตัว น้ำหนักตัวที่มากเกินไปเป็นสาเหตุสำคัญของอาการปวดหลัง การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานจะช่วยลดแรงกดทับที่กระดูกสันหลัง เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?

Read More »
ปวดเข่า กินอะไรดี?

ปวดเข่า กินอะไรดี?

หากคุณกำลังทุกข์ทรมานจากอาการปวดเข่า คุณไม่ได้เผชิญปัญหานี้เพียงลำพัง เพราะอาการปวดเข่าเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุและคนที่มีน้ำหนักเกิน นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยบรรเทาอาการปวดเข่าได้อย่างได้ผล มาดูกันว่าเมื่อปวดเข่า เราควรกินอะไรดี อาหารแนะนำสำหรับคนปวดเข่า   1. ปลาที่มีไขมันดี อาการปวดเข่ามักมาพร้อมกับการอักเสบ การทานปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 สูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และปลาซาร์ดีน จะช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดเข่าได้เป็นอย่างดี 2. ผักใบเขียวเข้ม เมื่อมีอาการปวดเข่า การทานผักใบเขียวเข้มอย่างผักคะน้า ผักโขม และบร็อคโคลี่ จะช่วยเสริมแคลเซียมและวิตามินดีที่จำเป็นต่อการบำรุงกระดูกและข้อต่อ ช่วยลดความรุนแรงของอาการปวดเข่าได้ 3. ถั่วและเมล็ดพืช อัลมอนด์ วอลนัท และเมล็ดเจีย อุดมไปด้วยโปรตีนและแร่ธาตุที่จำเป็น ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อรอบข้อเข่าที่เสื่อมสภาพ บรรเทาอาการปวดเข่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4. ผลไม้รสเปรี้ยว วิตามินซีในผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม กีวี่ และเบอร์รี่ต่างๆ ช่วยสร้างคอลลาเจนที่จำเป็นต่อการบำรุงข้อเข่า ลดอาการปวดเข่าและการอักเสบได้ 5. ขิงและขมิ้น สมุนไพรไทยอย่างขิงและขมิ้นมีสารต้านการอักเสบตามธรรมชาติ ช่วยบรรเทาอาการปวดเข่าได้ดี สามารถนำมาทำเป็นชาหรือเครื่องเทศในอาหารได้ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อปวดเข่า อาหารทอด ขนมกรุบกรอบ ที่มีไขมันทรานส์สูง ขนมหวาน

Read More »
5 เคล็ดลับหายปวดกระดูกทับเส้น

5 เคล็ดลับหายปวดกระดูกทับเส้น

หากคุณกำลังทุกข์ทรมานจากอาการปวดหลังร้าวลงขา หรือได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระดูกทับเส้นประสาท บทความนี้มีคำตอบที่คุณต้องการ! วันนี้หมอซันจะมาแชร์ 5 เคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยให้คุณหายจากอาการปวดกระดูกทับเส้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องผ่าตัด อาการกระดูกทับเส้นคืออะไร? กระดูกทับเส้นประสาท เป็นภาวะที่เกิดจากการกดทับของกระดูกสันหลังหรือหมอนรองกระดูกที่มีการเสื่อมสภาพ ส่งผลให้เกิดการกดทับเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวดร้าวลงขา ชา อ่อนแรง และในบางรายอาจมีอาการปวดรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน   5 เคล็ดลับหายปวดกระดูกทับเส้น 1. การฝังเข็ม การฝังเข็ม โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบได้ โดยต้องผ่าตัด 2. การรับประทานยาอย่างถูกวิธี การรับประทานยาบรรเทาอาการปวด ลดกระบวนการอักเสบต้องทำอย่างถูกต้องตามหลัก “ให้ครบ ให้ถูก ให้ถึง” ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ส่งผลเสียต่อตับและไต 3. การเสริมด้วยผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงข้อและกระดูก การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนประกอบสำคัญ เช่น คอลลาเจนไทป์ 2 และโปรตีโอไกลแคน จะช่วยบำรุงหมอนรองกระดูกและข้อต่อ ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น 4. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้อาการแย่ลง เช่น การนั่งนานๆ การยกของหนัก หรือการทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้อง พร้อมทั้งฝึกการทรงตัวและท่าทางที่ถูกต้องในชีวิตประจำวัน 5. การออกกำลังกายที่เหมาะสม เลือกการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย เน้นการเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว

Read More »
ปวดสะโพกร้าวลงขา ทานยาอย่างไร

ปวดสะโพกร้าวลงขา ทานยาอย่างไร

หากคุณกำลังทนทุกข์กับอาการปวดสะโพกร้าวลงขา ที่ทำให้การเดิน การนั่ง หรือแม้แต่การนอนก็ยังรู้สึกทรมาน บทความนี้มีคำตอบที่จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการรักษาและการทานยาที่ถูกต้อง เพื่อบรรเทาอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน สาเหตุของอาการปวดสะโพกร้าวลงขา อาการปวดสะโพกร้าวลงขาเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่: ต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน มีปัญหาหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท มีภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม มีการอักเสบของเส้นประสาทบริเวณสะโพก ทำไมการรักษาแบบเดิมถึงไม่ได้ผล? หลายคนพยายามรักษาด้วยวิธีต่างๆ แต่อาการไม่ดีขึ้น อาจด้วยเหตุผลเพราะ: ทานยาไม่ครบตามที่แพทย์สั่ง ได้รับยาที่ไม่ตรงกับสาเหตุของอาการ ขาดการดูแลอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง แนวทางการทานยา การทานยา ตามหลัก “ให้ครบ ให้ถูก ให้ถึง” ดังนี้: 1. ให้ครบ ทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างครบถ้วน ไม่ขาดยาหรือหยุดยาเองเมื่อรู้สึกดีขึ้น ทานยาตรงเวลาสม่ำเสมอ 2. ให้ถูก ได้รับยาที่เหมาะสมกับสาเหตุของอาการ มีการปรับขนาดยาตามอาการและการตอบสนอง เลือกใช้ยาที่ปลอดภัยต่อตับและไต 3. ให้ถึง รักษาจนกว่าอาการจะหายสมบูรณ์ มีการติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง ปรับการรักษาตามการตอบสนองของผู้ป่วย แนวทางการรักษาแบบองค์รวม การทานยาอย่างถูกต้องตามหลักการข้างต้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่อาจทำให้อาการกำเริบ การทำกายภาพบำบัดอย่างเหมาะสม การดูแลสุขภาพองค์รวมเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ การเลือกทานอาหารเสริม ที่ช่วยบำรุงและป้องกันอาการ   ข้อควรระวังในการทานยา เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด ควรระวัง: ไม่ใช้ยาชุดที่ไม่ทราบส่วนประกอบ แจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัวหรือแพ้ยา

Read More »
5 พฤติกรรมเสี่ยง กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท

5 พฤติกรรมเสี่ยง กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท

หลายคนอาจเคยมีอาการปวดสะโพกร้าวลงขา หรือมีอาการชาร้าวลงไปที่ขา แต่รู้หรือไม่ว่า สาเหตุหนึ่งอาจมาจากภาวะ “กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท” ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคนวัยทำงาน สำหรับ 5 พฤติกรรมเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดภาวะนี้ พร้อมวิธีป้องกันและดูแลตัวเอง อาการที่บ่งบอกว่าคุณมีภาวะกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท ก่อนจะไปดูพฤติกรรมเสี่ยง มาทำความรู้จักอาการที่บ่งบอกว่าคุณอาจมีภาวะนี้: ปวดบริเวณสะโพกและร้าวลงไปที่ขา มีอาการชาหรือรู้สึกเสียวแปลบลงไปตามขา อาการปวดมักแย่ลงเมื่อนั่งนานๆ รู้สึกไม่สบายเวลาเดิน หรือยืนเป็นเวลานาน อาการปวดอาจรุนแรงขึ้นเมื่อเปลี่ยนท่าทาง 5 พฤติกรรมเสี่ยงที่ควรระวัง 1. นั่งทำงานติดต่อกันเป็นเวลานาน การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานโดยไม่ลุกเปลี่ยนอิริยาบถ ทำให้กล้ามเนื้อสะโพกถูกกดทับและเกิดการหนีบเส้นประสาทได้ 2. การออกกำลังกายที่ผิดวิธี การยกน้ำหนักหรือทำท่าสควอทโดยไม่ถูกวิธี อาจทำให้กล้ามเนื้อสะโพกบาดเจ็บและกดทับเส้นประสาทได้ 3. น้ำหนักตัวเกิน การมีน้ำหนักตัวมากเกินไปทำให้กล้ามเนื้อสะโพกต้องรับน้ำหนักมาก เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหนีบเส้นประสาท 4. การใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำ การใส่รองเท้าส้นสูงทำให้การทรงตัวเปลี่ยนไป ส่งผลให้กล้ามเนื้อสะโพกทำงานหนักขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อการหนีบเส้นประสาท 5. ยืนหรือเดินผิดท่า การยืนหรือเดินในท่าที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการยืนพักน้ำหนักขาข้างเดียวเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาทบริเวณสะโพก วิธีป้องกันและดูแลตัวเอง หมั่นเปลี่ยนอิริยาบถ ลุกเดินทุก 1-2 ชั่วโมง ยืดเหยียดกล้ามเนื้อเป็นระยะ หลีกเลี่ยงการนั่งท่าเดิมนานๆ ออกกำลังกายอย่างถูกวิธี เน้นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อสะโพก ทำท่าบริหารเพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลาง หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่กระแทกรุนแรง ควบคุมน้ำหนัก รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

Read More »
ปวดแสบร้อนฝ่ามือฝ่าเท้า รักษาได้ ไม่ต้องทนทรมาน

ปวดแสบร้อนฝ่ามือฝ่าเท้า รักษาได้ ไม่ต้องทนทรมาน

คุณกำลังทุกข์ทรมานกับอาการ ปวดแสบร้อนที่ฝ่ามือฝ่าเท้า จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน? หลายคนเผชิญกับปัญหานี้และกังวลว่าจะต้องทนกับความเจ็บปวดไปตลอด แต่ความจริงแล้ว อาการเหล่านี้สามารถรักษาให้หายได้ หากได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง สาเหตุของอาการปวดแสบร้อนฝ่ามือฝ่าเท้า อาการปวดแสบร้อนที่ฝ่ามือฝ่าเท้ามักเกิดจากหลายสาเหตุ: เส้นประสาทถูกกดทับ โดยเฉพาะจากปัญหากระดูกคอเสื่อมหรือหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท ภาวะเส้นประสาทอักเสบ โรคเบาหวาน การขาดวิตามินบี ความเครียดและความวิตกกังวล อาการที่พบร่วม นอกจากความรู้สึกแสบร้อน ผู้ป่วยอาจพบอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น: ชาปลายมือปลายเท้า รู้สึกเสียวแปลบ ปวดร้าวลงแขนหรือขา นอนไม่หลับเพราะอาการรบกวน อาการแย่ลงในเวลากลางคืน แนวทางการรักษา 1. การฝังเข็ม การฝังเข็ม โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ช่วยบรรเทาอาการปวดแสบร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพึ่งยาแก้ปวดมากเกินไป 2. การรักษาด้วยยา โดยใช้หลักการ “ให้ครบ ให้ถูก ให้ถึง” เพื่อการรักษาที่ตรงจุด และช่วยบรรเทาอาการปวดให้หายได้ 3. การปรับพฤติกรรม หลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนนานเกินไป ปรับท่าทางการนอนให้เหมาะสม ออกกำลังกายเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ จัดการความเครียด ทำไมต้องรักษาให้เร็ว? การปล่อยให้อาการปวดแสบร้อนเรื้อรังโดยไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่: อาการทรุดลงเรื่อยๆ เกิดภาวะซึมเศร้าจากความเจ็บปวด ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง คุณภาพชีวิตแย่ลง เสียค่าใช้จ่ายในการรักษามากขึ้นในระยะยาว  

Read More »
กินอะไรให้ข้อเข่าแข็งแรง ลดความเสี่ยงโรคข้อเข่าเสื่อม

กินอย่างไร ให้ข้อเข่าแข็งแรง ลดความเสี่ยง โรคข้อเข่าเสื่อม

หากคุณกำลังมองหาวิธีดูแลข้อเข่าให้แข็งแรงและป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อม บทความนี้มีคำตอบที่คุณต้องการ เรามาดูกันว่าควรรับประทานอะไรเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับข้อเข่าและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม ทำไมต้องให้ความสำคัญกับการดูแลข้อเข่า? ข้อเข่าเป็นข้อต่อสำคัญที่รับน้ำหนักของร่างกายในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่ง หรือทำกิจกรรมต่างๆ เมื่อเราอายุมากขึ้น ข้อเข่าก็มีโอกาสเสื่อมสภาพได้ง่าย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป การดูแลป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ สารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงข้อเข่า คอลลาเจนไทป์ 2 เป็นโปรตีนสำคัญที่เป็นส่วนประกอบหลักของกระดูกอ่อนในข้อเข่า ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับข้อต่อและกระดูกอ่อน พบได้ในอาหารจำพวกกระดูกสัตว์และเอ็นไก่ โปรติโอไกลแคน มีบทบาทสำคัญในการดูดซับน้ำเข้าสู่ข้อเข่า ช่วยให้ข้อเข่ามีความยืดหยุ่นและเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่น เป็นสารที่ช่วยลดแรงกระแทกในข้อเข่า แมกนีเซียม ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า ลดอาการปวดและการอักเสบ พบได้ในถั่ว เมล็ดพืช ผักใบเขียว อาหารที่ควรรับประทานเพื่อบำรุงข้อเข่า ปลาทะเลน้ำลึก อุดมด้วยโอเมก้า-3 ช่วยลดการอักเสบ แนะนำ: ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ผักใบเขียว มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการสร้างกระดูกและกระดูกอ่อน เช่น ผักคะน้า ผักโขม บร็อคโคลี่ ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ช่วยในการสร้างคอลลาเจน เช่น ส้ม กีวี สตรอเบอร์รี่ อาหารเสริมที่ช่วยบำรุงข้อเข่า การรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบครบถ้วนอย่าง DrSUN4in1 สามารถช่วยเสริมการทำงานของข้อเข่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Read More »