บทความ

อาการเข่าเสื่อมระยะแรก รู้ทัน รักษาได้ ไม่ต้องผ่าตัด

อาการเข่าเสื่อมระยะแรก รู้ทัน รักษาได้ ไม่ต้องผ่าตัด

โรคข้อเข่าเสื่อม เป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในผู้สูงวัย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป การสังเกตอาการเข่าเสื่อมระยะแรกและเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยชะลอการเสื่อมของข้อเข่าและป้องกันไม่ให้อาการลุกลามจนต้องผ่าตัด บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จักกับอาการเข่าเสื่อมระยะแรก พร้อมแนวทางการรักษาที่ได้ผล อาการเข่าเสื่อมระยะแรกมีสัญญาณเตือนอย่างไร? อาการเข่าเสื่อมระยะแรกที่ควรสังเกตมีดังนี้: เริ่มมีอาการปวดเข่าเมื่อมีการเคลื่อนไหว เช่น เดิน วิ่ง หรือขึ้นบันได รู้สึกเสียวหัวเข่าเป็นบางครั้งขณะเคลื่อนไหว ข้อเข่าฝืดหรือติดเมื่ออยู่ในท่าเดิมนานๆ มีเสียงดังกรอบแกรบในข้อเข่าเวลาเคลื่อนไหว อาการปวดจะดีขึ้นเมื่อพักการใช้งานข้อเข่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการเข่าเสื่อมระยะแรก ปัจจัยด้านอายุ: ผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไปมีความเสี่ยงสูง พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย การเสื่อมสภาพของกระดูกอ่อนตามวัย น้ำหนักตัวที่มากเกิน: โรคอ้วนเพิ่มแรงกดทับบนข้อเข่า ทำให้ข้อเข่าเสื่อมเร็วขึ้น เพิ่มความเสี่ยงการอักเสบของข้อ พฤติกรรมการใช้งานข้อเข่าที่ไม่เหมาะสม: การนั่งพับเพียบเป็นเวลานาน การนั่งขัดสมาธิ การคุกเข่าบ่อยๆ การยกของหนักในท่าที่ไม่ถูกต้อง การบาดเจ็บของข้อเข่า: อุบัติเหตุจากการเล่นกีฬา การกระแทกจากอุบัติเหตุ การบาดเจ็บสะสม ปัจจัยทางพันธุกรรม: ประวัติครอบครัวที่มีโรคข้อเข่าเสื่อม ความผิดปกติของโครงสร้างกระดูก วิธีรักษาอาการเข่าเสื่อมระยะแรกที่ได้ผล การรักษาแบบไม่ใช้ยา: ลดกิจกรรมที่กดทับข้อเข่ามากเกินไป ประคบร้อนเพื่อบรรเทาอาการปวด ปรับเปลี่ยนท่าทางการนั่ง ยืน เดิน ควบคุมน้ำหนักตัว ออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสภาพข้อเข่า การรักษาด้วยยา: ยาพาราเซตามอลสำหรับอาการปวดเล็กน้อย ยาทาเฉพาะที่เพื่อบรรเทาอาการ

Read More »
เข่าเสื่อม รักษาได้ ไม่ต้องผ่าตัด พร้อมวิธีป้องกันที่ใครก็ทำได้

ลุกไม่ขึ้น ปวดเข่า เข่าเสื่อม แก้ไขอย่างไร?

อาการ ปวดเข่า เป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุและคนวัยทำงาน โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 40-60 ปีขึ้นไป เมื่อเกิดอาการ ปวดเข่า รุนแรงจนลุกไม่ขึ้น หลายคนเกิดความกังวลว่าจะต้องผ่าตัด แต่ทราบหรือไม่ว่า การแก้ปัญหา ปวดเข่า และข้อเข่าเสื่อมมีทางเลือกอื่นที่ไม่ต้องผ่าตัด สาเหตุของอาการปวดเข่าและข้อเข่าเสื่อม อาการ ปวดเข่า มีสาเหตุหลักมาจากข้อเข่าเสื่อม ซึ่งเกิดจากการเสื่อมสภาพของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ ทำให้เกิดการเสียดสีและอักเสบ ผู้ที่มีอาการ ปวดเข่า มักพบปัญหาเหล่านี้: งอเข่าลำบาก ลุกจากท่านั่งไม่ขึ้น เดินขึ้นลงบันไดลำบาก ปวดเข่า เวลาเดินไกล เข่าบวม มีเสียงดังในข้อเข่า อาการ ปวดเข่า เรื้อรังที่ไม่หายดีแม้รักษาหลายวิธี ผลกระทบของอาการปวดเข่าต่อคุณภาพชีวิต อาการ ปวดเข่า ไม่เพียงส่งผลต่อร่างกาย แต่ยังกระทบคุณภาพชีวิตอย่างมาก ผู้ที่มีปัญหา ปวดเข่า มักพบความท้าทายเหล่านี้: ไม่สามารถเดินทางหรือท่องเที่ยวได้อย่างอิสระ ไม่สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ มีความกังวลและเครียดจากอาการเจ็บปวด กลัวการผ่าตัดและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ต้องพึ่งพายาแก้ปวดตลอดเวลา ทางเลือกในการรักษาอาการปวดเข่าโดยไม่ต้องผ่าตัด ปัจจุบันมีทางเลือกในการรักษาอาการ ปวดเข่า ที่ได้ผลดีโดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ซึ่งเทคนิคการรักษาแบบบูรณาการสามารถช่วยให้ผู้ป่วยหายจากอาการ ปวดเข่า และกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ 1. การฝังเข็ม

Read More »
ปวดเข่าไม่หาย? 20 อาการเตือนภัยที่ต้องรีบรักษาก่อนสายเกินไป

ปวดเข่าไม่หาย? 20 อาการเตือนภัยที่ต้องรีบรักษาก่อนสายเกินไป

ปวดเข่าเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม หากคุณกำลังมีอาการ ปวดเข่า และสงสัยว่าอาการที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติหรือไม่ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจอาการต่างๆ ที่เป็นสัญญาณเตือนของการเสื่อมของข้อเข่า ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจนำไปสู่การผ่าตัดในที่สุด จากประสบการณ์การรักษาผู้ป่วย ปวดเข่า มากกว่า 20,000 เคสพบว่า หลายคนมักมองข้ามอาการเล็กๆ น้อยๆ จนกระทั่งอาการรุนแรงมากขึ้น และต้องใช้วิธีการรักษาที่ซับซ้อนมากขึ้น 20 อาการปวดเข่าที่พบบ่อยและต้องระวัง 1. ปวดเข่าเวลาเดินขึ้น-ลงบันได อาการนี้เป็นสัญญาณเตือนขั้นแรกของข้อเข่าเสื่อม เนื่องจากการขึ้น-ลงบันไดทำให้เข่าต้องรับน้ำหนักมากกว่าปกติ 3-4 เท่า หากหมอนรองกระดูกเริ่มเสื่อม จะเกิดอาการปวดขึ้นทันที 2. ปวดตอนเหยียดเข่าหรือพับเข่า เมื่อเข่าขยับแล้วมีอาการปวด แสดงว่ามีการอักเสบในข้อเข่าอยู่แล้ว หรืออาจมีหมอนรองกระดูกฉีกขาด ถ้าปล่อยไว้อาการจะรุนแรงมากขึ้น 3. เข่ามีเสียงก๊อบแก๊บเวลาขยับ เสียงนี้เกิดจากการเสียดสีของกระดูก เพราะหมอนรองกระดูกเริ่มบางหรือหลุดออกไป ตอนแรกอาจไม่ปวด แต่ต่อมาจะมีอาการปวดตามมา 4. ปวดจี๊ดทันทีเมื่อลุกจากที่นั่ง อาการที่เรียกว่า “morning stiffness” เกิดจากข้อเข่าติดค้างหลังจากอยู่ท่าเดิมนานๆ หมอนรองกระดูกจะแข็งตัว ทำให้ลุกขึ้นปวดจี๊ด 5. เข่าบวมหรือร้อนแดง นี่คืออาการอักเสบในข้อเข่าแบบรุนแรง แสดงว่าร่างกายกำลังต่อสู้กับการอักเสบ หากเห็นอาการนี้ต้องรีบรักษาทันที 6. ปวดตอนนั่งพับเพียบหรือนั่งยองๆ การนั่งในท่านี้จะทำให้เข่าต้องรับแรงกดมากเป็นพิเศษ

Read More »
อาการปวดคอร้าวไปไหล่เกิดจากอะไร? สาเหตุและวิธีการรักษา

อาการปวดคอร้าวไปไหล่เกิดจากอะไร? สาเหตุและวิธีการรักษา

คุณเคยตื่นมาพร้อมความรู้สึกปวดคอร้าวไปไหล่หรือไม่? หรือกำลังนั่งทำงานแล้วรู้สึกว่ามีอาการปวดคอร้าวไปไหล่แบบเฉียบพลัน? อาการนี้เป็นปัญหาที่พบบ่อยในคนวัยทำงาน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน แต่หลายคนยังไม่เข้าใจว่าอาการปวดคอร้าวไปไหล่เกิดจากอะไร และจะแก้ไขอย่างไรให้ได้ผล บทความนี้จะพาคุณไปหาคำตอบ สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการปวดคอร้าวไปไหล่ อาการปวดคอร้าวไปไหล่ไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ แต่มีสาเหตุที่ชัดเจน ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้ 1. ปัญหาจากโครงสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อ กระดูกคอเสื่อม เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดคอร้าวไปไหล่ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่ใช้งานคอมากเกินไป เมื่อกระดูกคอเสื่อม จะทำให้: หมอนรองกระดูกบางลง ข้อต่อกระดูกเสื่อมสภาพ อาจมีการกดทับเส้นประสาทที่ออกจากกระดูกคอไปยังไหล่และแขน หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เมื่อหมอนรองกระดูกเคลื่อนหรือปลิ้นออกมากดทับเส้นประสาท จะทำให้เกิดอาการปวดคอร้าวไปไหล่ บางรายอาจมีอาการชาร่วมด้วย กล้ามเนื้อคอและไหล่อักเสบ การทำงานในท่าเดิมนานๆ โดยเฉพาะการก้มคอมองคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อทำงานหนักจนเกิดการอักเสบ นำไปสู่อาการปวดคอร้าวไปไหล่ 2. พฤติกรรมและท่าทางที่ไม่เหมาะสม ท่านั่งทำงานที่ไม่ถูกต้อง เป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของอาการปวดคอร้าวไปไหล่ในคนวัยทำงาน การนั่งหลังค่อม ยกไหล่สูง หรือก้มคอมากเกินไป ล้วนทำให้กล้ามเนื้อคอและไหล่ทำงานหนักเกินไป การนอนในท่าที่ไม่เหมาะสม หรือใช้หมอนที่ไม่รองรับคอเท่าที่ควร ทำให้คอบิดหรืออยู่ในท่าที่ไม่เป็นธรรมชาติเป็นเวลานาน ส่งผลให้เกิดอาการปวดคอร้าวไปไหล่เมื่อตื่นนอนในตอนเช้า ความเครียดและความวิตกกังวล มีผลทำให้กล้ามเนื้อคอและไหล่เกร็งตัวโดยไม่รู้ตัว เมื่อเกร็งเป็นเวลานาน ก็จะเกิดอาการปวดคอร้าวไปไหล่ได้ 3. โรคทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง โรครูมาตอยด์ เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบของข้อต่อต่างๆ รวมถึงข้อต่อกระดูกคอและไหล่ ทำให้เกิดอาการปวดคอร้าวไปไหล่ได้ โรคไฟโบรมัยอัลเจีย

Read More »
อาการแบบไหนเสี่ยง หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

อาการแบบไหนเสี่ยง หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

เคยสงสัยไหมว่าทำไมหลายคนถึงเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท? โดยเฉพาะคนวัยทำงานที่ต้องนั่งนานๆ หรือต้องใช้ร่างกายหนัก คุณหมอจะมาแนะนำอาการเสี่ยงที่คุณไม่ควรมองข้าม อาการเสี่ยงที่บ่งบอกว่าคุณอาจเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท 1. ปวดหลังเรื้อรังที่เป็นๆ หายๆ หากคุณมีอาการปวดหลังที่เป็นมานานกว่า 3 เดือน โดยเฉพาะเวลานั่งทำงานนานๆ หรือหลังจากยกของหนัก นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนแรกของภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท 2. ปวดร้าวลงขา อาการปวดที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่หลัง แต่ร้าวลงไปที่สะโพกและขา โดยเฉพาะเวลาเปลี่ยนท่า ลุก นั่ง หรือเดิน เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาจมีการกดทับเส้นประสาท 3. ชาตามขาหรือเท้า หากมีอาการชาร่วมด้วย โดยเฉพาะตามขาหรือเท้า แสดงว่าเส้นประสาทอาจถูกกดทับจนส่งผลต่อการรับความรู้สึก 4. กลุ่มเสี่ยงที่ควรระวัง ผู้ที่ต้องนั่งทำงานนานๆ เช่น พนักงานออฟฟิศ ผู้ที่ต้องขับรถเป็นเวลานาน ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ผู้ที่ต้องยกของหนักเป็นประจำ ทำไมต้องรีบรักษา? การปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษาอาจนำไปสู่: อาการปวดที่รุนแรงขึ้น การเคลื่อนไหวที่จำกัด ผลกระทบต่อการทำงานและคุณภาพชีวิต ความเสี่ยงที่จะต้องผ่าตัด   ทางเลือกในการรักษา ปัจจุบันมีวิธีการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้การรักษาแบบองค์รวม ประกอบด้วย: การฝังเข็ม โดยแพทย์เฉพาะทาง การรักษาด้วยการทานยาที่เหมาะสม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและท่าทาง การดูแลและฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง การทานอาหารเสริม เพื่อบำรุงและป้องกันอาการ สรุป

Read More »
ปวดหลัง แบบไหนอันตราย? สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

20 อาการปวดหลังที่ต้องไปพบแพทย์ทันที! อย่าปล่อยให้กลายเป็นโรคร้ายแรง

ปวดหลังไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก – สัญญาณเตือนที่คุณไม่ควรมองข้าม หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอาการปวดหลังและคิดว่าเป็นแค่ปวดธรรมดา ลองอ่านบทความนี้ให้จบ เพราะปวดหลังบางประเภทอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงที่ไม่ควรปล่อยไว้ จากประสบการณ์การรักษาผู้ป่วยกว่า 18,000 เคส นี่คือ 20 อาการปวดหลังที่เป็นสัญญาণเตือนภัยว่าคุณต้องรีบไปพบแพทย์ทันที ก่อนที่จะสายเกินไป 1. ปวดหลังร้าวลงขา (Sciatica) ปวดหลังร้าวลงขาเป็นสัญญาณหลักของกระดูกทับเส้นประสาท เมื่อมีอาการปวดหลังแล้วร้าวลงขา แสดงว่าเส้นประสาทถูกกดทับ หากปล่อยไว้นานอาจทำให้ชาขาถาวรหรือเดินไม่ได้ อาการที่ต้องระวัง: ปวดจากหลังร้าวลงก้น ต้นขา หรือน่อง อาการชาบริเวณขาหรือเท้า ขาอ่อนแรง เดินไม่มั่นคง 2. ปวดหลังจนเดินไม่ได้ นี่คือสัญญาณที่ร้ายแรงที่สุด อาจเป็นหมอนรองกระดูกปลิ้นกดทับเส้นประสาทอย่างรุนแรง หรือโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ ต้องรีบรักษาทันทีโดยไม่ชักช้า 3. ปวดหลังร่วมกับกลั้นปัสสาวะ/อุจจาระไม่ได้ นี่คือ Cauda Equina Syndrome สภาวะฉุกเฉินทางระบบประสาท ต้องผ่าตัดภายใน 24 ชั่วโมง หากไม่รักษาจะเกิดอัมพาตถาวร 4. ปวดหลังร่วมกับมีไข้ ปวดหลังร่วมกับมีไข้อาจเป็นสัญญาณของ: การติดเชื้อในกระดูกสันหลัง มะเร็งกระจาย การอักเสบของอวัยวะภายใน 5. ปวดหลังร่วมกับน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ น้ำหนักลดลงโดยไม่ได้อดอาหารร่วมกับปวดหลังอาจเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งที่ต้องตรวจเลือดด่วน 6. ปวดหลังหลังอุบัติเหตุ

Read More »
กระดูกทับเส้น ปวดสะโพกร้าวลงขา กินยาแล้วดีขึ้น ต้องรักษาต่อไหม? คำตอบที่คุณต้องรู้!

กระดูกทับเส้น ปวดสะโพกร้าวลงขา กินยาแล้วดีขึ้น ต้องรักษาต่อไหม? คำตอบที่คุณต้องรู้!

หากคุณกำลังมีอาการ กระดูกทับเส้น หรือ ปวดสะโพกร้าวลงขา และเพิ่งกินยาแล้วรู้สึกดีขึ้น คุณอาจสงสัยว่า “ต้องรักษาต่อไปอีกไหม?” หรือ “อาการดีแล้ว หายแล้วใช่ไหม?” วันนี้เราจะมาตอบคำถามสำคัญนี้อย่างชัดเจน พร้อมอธิบายให้คุณเข้าใจว่าทำไมการรักษาต่อเนื่องจึงสำคัญมาก และจะช่วยป้องกันไม่ให้อาการ ปวดสะโพกร้าวลงขา กลับมาอีก อาการกระดูกทับเส้นคืออะไร? ทำไมถึงปวดสะโพกร้าวลงขา? กระดูกทับเส้น หรือที่เรียกกันในทางการแพทย์ว่า “Sciatica” เป็นภาวะที่เกิดจากเส้นประสาท Sciatic ถูกกดทับ โดยเส้นประสาทเส้นนี้เป็นเส้นประสาทที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายมนุษย์ ยาวจากกระดูกสันหลังส่วนล่าง ลงไปจนถึงปลายเท้า สาเหตุหลักของกระดูกทับเส้น: หมอนรองกระดูกเสื่อม – หมอนรองกระดูกปลิ้นออกมากดทับเส้นประสาท โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ – ช่องที่เส้นประสาทผ่านแคบลง กระดูกสันหลังเสื่อม – กระดูกงอกออกมากดทับเส้นประสาท กล้ามเนื้อเกร็งตัวแข็ง – กล้ามเนื้อตึงกดทับเส้นประสาท Sciatic อาการของกระดูกทับเส้นที่คุณอาจกำลังประสบอยู่ หากคุณมีอาการเหล่านี้ แสดงว่าคุณอาจมีปัญหา กระดูกทับเส้น: อาการปวดสะโพกร้าวลงขา: ปวดร้าวจากสะโพก ลงไปที่ก้น ขาหลัง จนถึงเท้า ความปวดเป็นแบบแปลบ ๆ เหมือนโดนไฟช็อต ปวดมากขึ้นเมื่อนั่งนาน ๆ หรือก้มตัว

Read More »
3 แนวทางการรักษา ปวดหลังร้าวลงขาเวลาเดิน

3 แนวทางการรักษา ปวดหลังร้าวลงขาเวลาเดิน

หลายคนที่มีอาการปวดหลังร้าวลงขาเวลาเดิน มักจะทุกข์ทรมานและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน บางคนถึงขั้นเดินไม่ได้ นอนไม่หลับ และมีความเครียดสะสม แต่คุณรู้หรือไม่ว่า อาการเหล่านี้สามารถดีขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด? วันนี้เราจะมาแนะนำ 3 วิธีที่จะช่วยให้อาการปวดหลังร้าวลงขาของคุณดีขึ้นได้ สาเหตุของอาการปวดหลังร้าวลงขา ก่อนที่จะเข้าสู่วิธีการรักษา เรามาทำความเข้าใจสาเหตุของอาการปวดหลังร้าวลงขากันก่อน โดยทั่วไปมักเกิดจาก: หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังเสื่อม โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ เส้นประสาทถูกกดทับ อาการเหล่านี้มักพบได้บ่อยในผู้ที่ต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน ขับรถบ่อย หรือมีอายุ 40 ปีขึ้นไป   3 แนวทางการรักษาที่ช่วยให้อาการปวดหลังร้าวลงขาดีขึ้น 1. การรักษาด้วยการแพทย์แบบบูรณาการ การรักษาที่ได้ผลดีต้องเป็นการรักษาแบบองค์รวม ไม่ใช่เพียงแค่การกินยาแก้ปวดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องรักษาที่ต้นเหตุของอาการปวด ซึ่งประกอบด้วย: การฝังเข็มโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การใช้ยาที่เหมาะสมตามหลัก “ให้ครบ ให้ถูก ให้ถึง” การบำรุงร่างกายด้วยอาหารเสริมที่จำเป็น 2. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันไม่ให้อาการกำเริบ: หลีกเลี่ยงการนั่งนานๆ ควรลุกเดินทุก 1-2 ชั่วโมง ระวังท่าทางในการยกของหนัก จัดท่านั่งและที่นอนให้เหมาะสม ออกกำลังกายเบาๆ ตามคำแนะนำของแพทย์ 3. การดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง การดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ: รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานอาหารเสริมที่จำเป็นสำหรับกระดูกและข้อ พักผ่อนให้เพียงพอ

Read More »
5 คำถามสำคัญ: ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

5 คำถามสำคัญ: ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

หากคุณกำลังประสบกับอาการปวดหลังร้าวลงขา หรือแพทย์วินิจฉัยว่าคุณมีภาวะ “กระดูกทับเส้น” คุณอาจจะมีคำถามมากมายเกี่ยวกับอาการนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยเป็นครั้งแรก บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยสำคัญ 5 ประการเกี่ยวกับภาวะ กระดูกทับเส้น หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า “หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท” ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของอาการปวดหลังเรื้อรังที่พบบ่อยในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป 1. ภาวะกระดูกทับเส้นคืออะไร และทำไมถึงเป็น? กระดูกทับเส้น เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อหมอนรองกระดูกสันหลัง (เนื้อเยื่อนุ่มที่ทำหน้าที่เป็นเบาะรองระหว่างกระดูกสันหลัง) เกิดการเคลื่อนที่ผิดปกติ หรือปลิ้นออกมากดทับเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการปวด ชา หรือรู้สึกเสียวแปลบตามเส้นประสาทที่ถูกกดทับ สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะ กระดูกทับเส้น มีหลายประการ: อายุที่เพิ่มขึ้น: เมื่ออายุมากขึ้น หมอนรองกระดูกจะสูญเสียความยืดหยุ่นและความแข็งแรง ทำให้เสี่ยงต่อการฉีกขาดหรือปลิ้นออกมา การยกของหนัก: โดยเฉพาะเมื่อยกในท่าที่ไม่ถูกต้อง เช่น ก้มยกของโดยไม่ย่อเข่า อิริยาบถที่ไม่เหมาะสม: เช่น นั่งทำงานในท่าเดิมเป็นเวลานาน หรือนั่งหลังค่อม น้ำหนักตัวมาก: ทำให้กระดูกสันหลังต้องรับน้ำหนักมากเกินไป การออกกำลังกายที่ไม่ถูกวิธี: การออกกำลังกายหักโหม หรือทำท่าที่กระแทกหลังรุนแรง โรคกระดูกสันหลังเสื่อม: เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะ กระดูกทับเส้น ได้ง่ายขึ้น 2. จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นกระดูกทับเส้น? อาการที่บ่งชี้ว่าคุณอาจมีภาวะ กระดูกทับเส้น มีดังนี้: อาการทั่วไปของกระดูกทับเส้น:

Read More »
สลักเพชรจม (Spondylolisthesis) อาการ สาเหตุ และวิธีรักษาแบบละเอียด

สลักเพชรจม (Spondylolisthesis) อาการ สาเหตุ และวิธีรักษาแบบละเอียด

หากคุณกำลังประสบปัญหาปวดหลังเรื้อรัง โดยเฉพาะบริเวณเอวส่วนล่าง มีอาการปวดร้าวลงขา และอาการแย่ลงเมื่อยืนหรือเดินนานๆ คุณอาจกำลังเผชิญกับภาวะ “สลักเพชรจม” บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้อย่างละเอียด พร้อมแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพ สลักเพชรจมคืออะไร? สลักเพชรจม หรือในทางการแพทย์เรียกว่า Spondylolisthesis เป็นภาวะที่กระดูกสันหลังส่วนล่างเกิดการเลื่อนเคลื่อนไปด้านหน้า ทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาท ส่งผลให้เกิดอาการปวดและความไม่สบายในหลายรูปแบบ ภาวะนี้พบได้บ่อยในผู้สูงอายุและนักกีฬาที่ต้องใช้หลังมาก อาการของสลักเพชรจมที่ต้องรู้ 1. อาการปวดหลังส่วนล่าง ปวดบริเวณเอวส่วนล่างอย่างต่อเนื่อง อาการปวดจะรุนแรงขึ้นเมื่อยืนหรือเดินนานๆ บางครั้งอาจรู้สึกปวดตึงบริเวณกล้ามเนื้อน่องร่วมด้วย อาการปวดมักทุเลาลงเมื่อนั่งหรือนอนพัก 2. อาการปวดร้าวลงขา มีอาการชาหรือปวดแผ่ลงไปที่สะโพก อาการปวดร้าวลงไปตามขาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง บางรายอาจมีอาการเหมือนไฟช็อตร่วมด้วย อาการชาอาจรุนแรงจนถึงปลายเท้า 3. อาการเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว เดินลำบากหรือเดินไม่ไกล ขาอ่อนแรง โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินขึ้นบันได การทรงตัวไม่ดีเหมือนเดิม รู้สึกไม่มั่นคงเวลาเดิน 4. อาการที่แย่ลงเมื่อ ยืนหรือเดินนานๆ ยกของหนัก ก้มหรือเงยมากเกินไป บิดตัวหรือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว สาเหตุของการเกิดสลักเพชรจม 1. สาเหตุจากพันธุกรรม ความผิดปกติของกระดูกสันหลังแต่กำเนิด มีประวัติครอบครัวเป็นสลักเพชรจม โครงสร้างกระดูกสันหลังที่ผิดปกติ 2. สาเหตุจากการใช้งาน การยกของหนักเป็นประจำ การเล่นกีฬาที่ต้องแอ่นหลังบ่อยๆ การทำงานที่ต้องก้มๆ เงยๆ ตลอดเวลา

Read More »
การป้องกันการกลับเป็นซ้ำของเอ็นหลังเข่าอักเสบ

การป้องกันการกลับเป็นซ้ำของเอ็นหลังเข่าอักเสบ: วิธีดูแลและฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ

เอ็นหลังเข่าอักเสบเป็นอาการบาดเจ็บที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในนักกีฬาและผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ การรักษาให้หายขาดนั้นไม่เพียงพอ การป้องกันไม่ให้อาการกลับมาเป็นซ้ำนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง บทความนี้จะแนะนำวิธีป้องกันการกลับเป็นซ้ำของเอ็นหลังเข่าอักเสบอย่างมีประสิทธิภาพ เข้าใจเอ็นหลังเข่าอักเสบ เอ็นหลังเข่า หรือที่เรียกในทางการแพทย์ว่า “เอ็นไขว้หลัง” (Posterior Cruciate Ligament – PCL) เป็นเอ็นที่ช่วยเชื่อมกระดูกต้นขากับกระดูกหน้าแข้ง ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้กระดูกหน้าแข้งเคลื่อนไปด้านหลังมากเกินไป เมื่อเกิดการอักเสบขึ้น จะทำให้เกิดอาการปวด บวม และข้อเข่าไม่มั่นคง สาเหตุที่ทำให้เอ็นหลังเข่าอักเสบกลับเป็นซ้ำ การกลับเป็นซ้ำของเอ็นหลังเข่าอักเสบมักเกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่: การฟื้นฟูที่ไม่สมบูรณ์หลังการบาดเจ็บครั้งแรก การกลับไปออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเร็วเกินไป กล้ามเนื้อรอบข้อเข่าอ่อนแรง เทคนิคการเคลื่อนไหวที่ไม่ถูกต้อง น้ำหนักตัวที่มากเกินไป วิธีป้องกันการกลับเป็นซ้ำของเอ็นหลังเข่าอักเสบ 1. ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ การฟื้นฟูอย่างถูกต้องและสมบูรณ์เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันการกลับเป็นซ้ำ ควรทำตามโปรแกรมการฟื้นฟูที่แพทย์หรือนักกายภาพบำบัดแนะนำอย่างเคร่งครัด โดยทั่วไปแล้วการฟื้นฟูจะประกอบด้วย: การบริหารเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า การฝึกความมั่นคงของข้อต่อ การฝึกการทรงตัว การยืดกล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น 2. เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า กล้ามเนื้อที่แข็งแรงจะช่วยรองรับและลดแรงกระทำต่อเอ็นเข่า ท่าบริหารที่มีประโยชน์ ได้แก่: การยกน้ำหนักด้วยขา (Leg Press) การย่อเข่า (Squat) แบบไม่ลงลึกมาก การเหยียดเข่า (Leg Extension) การงอเข่า (Leg Curl)

Read More »
รวมกลุ่มอาหารบำรุงกระดูกและข้อ กินแล้วดีต่อ "โรคกระดูกพรุน"

รวมกลุ่มอาหารบำรุงกระดูกและข้อ กินแล้วดีต่อ “โรคกระดูกพรุน”

โรคกระดูกพรุนเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของผู้สูงอายุและผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ทำให้กระดูกบางลง เปราะ และแตกหักง่าย บางคนถึงขั้นกระดูกหักเพียงแค่ไอแรงๆ หรือเพียงแค่ขยับร่างกาย การรักษากระดูกพรุนมีหลายวิธี แต่การป้องกันด้วยอาหารถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุด บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับกลุ่มอาหารที่มีประโยชน์อย่างมากในการบำรุงกระดูกและข้อต่อ ช่วยป้องกันและบรรเทาอาการของโรคกระดูกพรุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โรคกระดูกพรุนคืออะไร ทำไมต้องให้ความสำคัญ? กระดูกพรุน (Osteoporosis) คือภาวะที่มวลกระดูกลดลงและโครงสร้างกระดูกเสื่อมลง ทำให้กระดูกบางและเปราะบาง เสี่ยงต่อการแตกหักแม้จากแรงกระแทกเพียงเล็กน้อย โรคนี้มักไม่แสดงอาการในระยะแรก จนกระทั่งกระดูกหักหรือเกิดการยุบตัวของกระดูกสันหลัง สถิติพบว่า 1 ใน 3 ของผู้หญิงและ 1 ใน 5 ของผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 50 ปี มีความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหักจากกระดูกพรุนในช่วงชีวิตที่เหลือ ในประเทศไทย พบว่ามีผู้ป่วยกระดูกพรุนมากถึง 3 ล้านคน และประมาณว่ามีผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงอีกกว่า 10 ล้านคน ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดกระดูกพรุน ได้แก่: อายุที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เพศหญิง โดยเฉพาะหลังหมดประจำเดือน รูปร่างผอมบาง น้ำหนักตัวน้อย ประวัติครอบครัวเป็นกระดูกพรุน การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ขาดการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีไม่เพียงพอ อาหารบำรุงกระดูกและข้อที่ช่วยป้องกันกระดูกพรุน 1. อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม แคลเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญที่สุดในการสร้างและบำรุงกระดูก ร่างกายไม่สามารถผลิตแคลเซียมได้เอง

Read More »